Welcome India 1st Time
สวัสดีครับ
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา วันที่ 15-27 ผมได้มีโอกาสได้เดินทางไปประเทศอินเดียมาครับ
เป็นเวลา 13 วันรวมเวลาเดินทางจากเชียงใหม่ด้วยครับ
ในสิบกว่าวันที่ประเทศนี้ได้เปลี่ยนมุมมอง และตัวตน ของผมในการเดินทางท่องเที่ยวไปพอสมควรครับ
จากหลายๆสิ่งที่คาดหวัง กลายเป็นไม่คาดหวัง จากเคยเป็นคนที่มีแบบแผนแน่นอน กลายเป็นคนที่ยืดหยุ่น ไม่ยึดติด
สิ่งต่างๆที่ได้เห็นที่ประเทศนี้เปิดโลกทัศไปอย่างมาก มันไม่เหมือนกับที่เห็นในรีวิวตามเว็บไซต์ต่างๆ หรือ ต่างช่องแชลแนลรายการท่องเที่ยว
นอกกรอบของภาพถ่าย และ กรอบภาพวีดีโอ มันมีมากกว่านั้น ประสบการณ์ตรง การได้พูดคุยหรือต่อราคา การโดนโกง
มันเกินกว่าจะถ่ายทอดออกมาได้หมดครับ
…
อินเดียของคุณคงไม่เหมือนผม และอินเดีย น่าจะให้ประสบการณ์ชีวิตคืนกลับไปตามแบบฉบับของใครของมัน
ความประทับใจในประเทศนี้คงแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว เหมือนกับทุกๆสิ่งที่นั่นก็ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
ลองมาดูกันว่าสิบกว่าวันนี้ผมไปพบเจออะไรมาบ้างในแบบมุมมองของผมกันนะครับ
แผนการเดินทางครับ
เราเริ่มจาก Kolkata -> Varanasi -> Agra -> Mathura -> Jaipur -> Jodhpur -> New Delhi
Day 1 2016/03/16 Kolkata
…
ทริปนี้ผมวางแผนไว้นานแล้ว เคยอยากไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่มารู้อีกทีงานโฮลี่ก็ล่ว
สุดท้ายแล้ว
คนที่มาได้จริงๆมี 2 คน และหาเพิ่มอีก 1 คนมาสมทบทีหลัง ผมนี่แทบจะเลิกจัดทริปแบบนี้เลยทีเดียวครับ ไม่อยากชวนใคร ไปคนเดียว หรือไปกับคนสนิทจริงๆดีกว่า
การมาอินเดียครั้งนี้เริ่มต้นจ
บินจากเชียงใหม่ มารอขึ้นเครื่องสายการบิน indigo ตอนตี2 หลับๆตื่นๆ มาถึงสนามบินที่กัลกาตา ตี3ครึ่ง มานั่งหลับสนามบินอีกแปปๆ กับน้องสาวๆญี่ปุ่นแบ๊คแพคอีก 2-3 คน แต่พวกเราใจร้อน รีบอยากเอากระเป๋าไปฝากโรงแ
ภาพตัดมาตอนแบกกระเป๋าไปคุย
ขับเข้าเมืองไปเรื่อยๆผมก็นึกได้มานั่งดูแมพแผนที่ที่ผมโหลด offline มาไว้แล้ว เหมือนพี่แขกขับไปคนละทางกั
แต่เกือบๆจะบรรจบถึง รร ที่พักอยู่แล้วเชียว สักพักเบรคเอี๊ยดดดดดด
เข้าข้างทาง
ผมกับเอ็ม (เอ็มคือน้องผู้ชายที่ไปด้วยกันครับ) นั่งมองหน้ากัน…
แต่…. เรื่องยังไม่จบแค่นี้ครับ
คือเรื่องของเรื่อง ในแมพแผนที่ผมกดดูจุดตั้งของโรงแรมพลาดดดครับ ไปปักหมุดอีกที่นึง
โดยห่างจากโรงแรมจริงไปอีกป
พี่โชเฟอร์พามาจอดอีกที่ ซึ่งเถียงกันไปมา เหมือนพี่แขกคนขับจะบอกว่ามันอยู่แถวๆนี้นะ ถนนเส้นนี้น่ะ
ถ้าจะให้ไปต่อตามที่พวกมรึงบอก อีนี่ขออีก 100 รูปีนะจ๊ะนาย
พวกผมก็ไม่ยอมเลยลงเดินกัน เดินวนหาโรงแรมอยู่นาน ไม่เจอจึงกลับมาดูแมพอีกรอบ
อ่าววว ใกล้ๆกะพี่โชเฟอร์ส่งเลย
แหมม ไปด่าเค้าระแวงเค้าแต่เหมือ
พอมาถึงโรงแรมดูชั้นรีเซฟชั้นผิดอีกแล้ว คือขึ้นไปแค่ชั้น 2 คิดว่ายังไม่เปิด (รีเซฟชั่นอยู่ชั้น 3)
แต่ก็ยังไม่เปิดจริงๆ ลงมานั่งพักแล้วตัดสินใจไปห
พวกมรุงไม่รู้อะไรซะแล้ว…
ชายหนุ่มสองคนแบกเป้แบ๊คแพค
คุณพระวิษณุ ไม่มีร้านอะไรอย่างว่าเลยใน
คุณพระไหนห้องแอร์ ไหนร้านกาแฟที่เคยเจอสองก้า
…
ตัดสินใจกลับโรงแรมนั่งรอกั
ภาพตัดมาตอนฝากกระเป๋าเสร็จ
ผมกับเอ็มสนุกสนานกับลิฟท์ข
ได้ฟิลหนังผีจีนฮ่องกงตามอพ
พอตัวเบาก็เตรียมตัวเดินถ่า
ค่าชมสวน 10 รูปี ค่าเข้ามิวเซียมสำหรับต่างช
เลยคุยกันตกลงคิดกันง่ายๆคับ ชมสวนสิคับ ฮาาาาา
ชมสวนเสร็จก็หาอะไรทานไปเจอ
ทานเสร็จนั่งรถไฟใต้ดินกลับ
กลับโรงแรมพักผ่อน
ตื่นมาเย็นๆ พี่แขกพนักงานชายหน้าโหดมาเคาะทำความสะอาดกั
แหมม จะหาแบบนี้ได้จากประเทศไหนอีกเนี่ย
ตอนเย็นออกไปหาอะไรถ่ายแถวๆ
คราวนี้เต็มๆ น้องมานั่งอึแถวเทพอะไรสักอ
ฮาร์ดคอร์มากก คนแถวนั้นก็อาบน้ำไปซักผ้าไ
สุดท้ายไปกิน KFC แล้วนั่งรถไฟกลับโรงแรมแบบเ
วันแรกเขียนเยอะหน่อย เพราะอะไรๆที่เห็นมันอเมซซิ่งหมดค่ะคุณขาาา
…
Day 2 2016/03/17 Kolkata
…
เช้านี้โรงแรมเอาอาหารเช้า
ผมเลือกกันคนละแบบ แบบแรกก็ทั่วๆไป ส่วนของอินเดียจะมีแกงกับแป้งนานให้
อินเดียสว่างเร็วมาก สายๆหน่อยบีบแตรกันอีกแล้ว ผมเองก็เริ่มชินกับเสียงแตรซะแล้ว (แน่ล่ะเมื่อวานเล่นเอาซะปวดหู) 😎
รถไฟใต้ดินไม่ได้แย่อย่างที่คิด ให้หาตู้โบกี้ที่มีผู้หญิงขึ้นครับ รถจะไม่แน่นเท่าไร มันจะมีแบ่งโซน Lady Only กับโซนที่ผู้ชายยืนครับ
พวกเราไปเดินแถวๆ park street คล้ายย่านสยามบ้านเรา ร้านกาแฟ mcdonald เพียบ ไฮโซ ดูเจริญหูเจริญตา👌🏻
แถว Park Street จะมีร้านหนังสืออยู่ ชื่อร้าน Oxfords book store หนังสือเยอะมาก และไม่ค่อยแพงด้วย
จากนั้นลองเข้าไปนั่งคาเฟ่ร้านกาแฟสั่งกาแฟ
ช่วงบ่ายพอมีเวลา ให้ฆ่าเล่น ก่อนคืนนี้ต้องนั่งรถไฟย้ายเมืองครับ
เลยเลือกไปเดินเล่นแถว Kumartuli เป็นงานศิลปะ เป็นย่านปั้นหุ่น ชอบมากๆ ถ่ายรูปสนุกสุด และพี่ๆแขกให้ความร่วมมือด้วยครับ 📸
เย็นๆก็รีบไปเอากระเป๋าที่โรงแรม
ย้ายเมืองแล้ว เลยรีบมาที่สถานีก่อนเวลากัน
พวกผมเอาตั๋วให้เจ้าหน้าที่ดู เจ้าหน้าที่จะเขียนเลขที่นั่งหรือเตียงกับโบกี้ให้
ตอนแรกดูไม่เป็นครับ เหมือนต้องมาถอดรหัสตั๋วอีก ตลกดี เพราะดูไม่ออก
ที่สถานีตรงชานชาลาจะมีบอร์ดติดอยู่ ให้มาดูชื่อเราได้ตรงนี้ มีเตียงบอก โบกี้บอกด้วย เหมือนมาลุ้นเอนทรานซ์ สมัยก่อนเลยอ่ะ ฮ่าๆ (ดักแก่)
ได้นั่งรถไฟอินเดียครั้งแรก เย้ เหมือนไทยเลย (จะดีใจดีมั้ยเนี่ย) 😩
พวกผมจองตั๋วชั้น 2AC ขบวนนี้ผมได้เพื่อนร่วมห้องเปนเจ้าหน้าที่สถานี ลุงแกมากับลูกเป็นช่วงหยุดพักผ่อนของแกพอดี
ลุงแขกเพื่อนร่วมห้องแจกลู
ตู้โบกี้นี้เป็นตู้คนรวย มีแอร์ สบาย ดีงาม นอนหลับสบายครับ
นอนยาวๆบนรถไฟ ไปถึงพาราณสี เก้าโมงเช้าครับ
ผมเริ่มรู้สึกชอบอินเดียมานิ
…
…
พาราณสีเป็นเมืองในฝันของอยากมานานแล้ว ใครๆก็บอกว่าถ้าชอบถ่ายรูปแนวสตรีทต้องมาที่นี่ เพราะมีความเป็นตัวเองสูงมาก
ภาพตัดมาที่ พวกผมนั่งๆนอนๆบนรถไฟนานมากกกกก
ค่อนข้างเบื่อเลยทีเดียว เพราะที่นี่ 3Gใช้ไม่ค่อยได้ เน็ตเต่ามาก เป็นซิมของ Airtel อาจต้องรอเข้าเมืองก่อน
…
ขบวนรถไฟไปพาราณสีคันนี้เลท
นั่งแล้วคิดถึงรถไฟไทย เรื่องเลทนี่ปกติสินะ แต่หลังๆนี้มีคนบอกว่ารถไฟไทยตรงเวลาแล้วเน้อ
…
พอถึงสถานีก็มีคนมารุมมากมาย เจอลุงแขกคนนึงเสนอราคามา 200 รูปี สองคน อ๊ะโอเค
มายเฟรนด์ ยูแฮปปี้ มีแฮปปี้ แล้วก็พาไปที่รถตุ๊กๆของแก
…
เอาของขึ้นรถ ขับออกมายังไม่พ้นสถานีเลย จอด!!!
แล้วถามเราว่าอยู่โรงแรมอะไร จองมารึยัง พวกเราก็บอกอยู่ Shiva Guesthouse
เค้าก็บอกว่ามันเข้าไปยาก เดี๋ยวเค้าจะพาไปถึงโรงแรมเลย ถ้ายูไม่แฮปปี้ก็ไม่ต้องจ่าย ถ้าแฮปปี้ก็ให้สินน้ำใจไอเล็กน้อยนะนาย
พวกเราเหนื่อยจากบนรถไฟ+ร้อน เลยอะเคร แกรรรร ไปเลยลุงงง รีบๆเหอะ
ตอนแรกลุงพาเดินไปผิดโรงแรม เราก็งง งง เพราะชื่อคล้ายๆ พอเช็คแมพดูถึงรู้ว่าไม่ใช่ ฮ่าๆๆ อีลุง มั่วนะแกรรร
แล้วก็พาไปส่งโรงแรมจนถูก (เนื่องจากพาราณสีเป็นตรอกซอกซอยเล็กๆ ตอนเดินเข้ามานี่ตามลุงอย่างเดียวเลย จำทางไม่ได้)
ปากทางเข้าแถวๆโรงแรมจะมีเด็กนายหน้าคอ
เมืองพาราณสีเริ่มมีนักท่องเที่
เรานัดเพื่อนอีกคนที่เมืองนี้ครับ ที่โรงแรม แต่พี่เค้าอีกนานกว่าจะถึง พวกเราเลยหาอะไรทานกันก่อน
เจอร้านนึง ชื่อ Spicy bites อยู่ใกล้ๆโรงแรม คนเยอะดี เลยลองไปนั่งดู (ตอนหลังกลายเป็นร้านประจำไปเลย)
ร้านอาหารที่นี่ต้องใจเย็นนะครับ
พาราณสีเย็นกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ
แถวๆริมน้ำนี่จะมีกิจกรรมเ
มีทุกอย่างตั้งแต่กิน ดื่ม อาบ ซักผ้า เผาศพ เจอสองศพละวันนี้
หลังจากเจอสมาชิกอีกคน คือพี่ทัย
พวกเราก็ไปเดินเล่นเดินถ่ายรูปอย่างเ
ตามตรอกซอยเล็กๆ มอไซค์บิดกันไม่ยั้ง บีบแตรกัน สนุกมือทีเดียว
Shiva Guesthouse
บนดาดฟ้าโรงแรมแจ่มดี ไม่ค่อยเห็นใครถ่ายมุมสูงที่นี่มา
ผมกับเอ็มและพี่ทัย ขึ้นมาชมวิวบนดาดฟ้า แล้วนั่งคุยกันนิดหน่อยครับ ระหว่างนั้นก็จะมีนักท่องเที่ยวคนอื่นแวะเวียนวนกันขึ้นมาบ้าง
คนญี่ปุ่นชอบมาเที่ยวอินเดียมาก
ที่เกสเฮ้าท์ที่พักกับข้างๆ
ผมเจอเพื่อนใหม่อีกคน ไม่สิสองคน จากโตเกี
มาชวนคุยด้วย แล้วก็ตะโกนเล่นกับนักท่องเที่ยวคนอื่นที่ตึกถัดไป
สนุกดีครับ บรรยากาศแบบนี้ ผมชอบนะ ได้รับวัฒนธรรมต่างถิ่นแลกเปลี่ยนกัน
ตอนค่ำ ที่ริมน้ำจะมีพิธีบูชาพระแม่คงคา คนจะเยอะมากๆ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมน่าสนใจของ
พอเดินดูพิธีพอหอมปากหอมคอ ก็ไปหาอะไรกินกันครับ เรื่องกับข้าวอ่ะเฉยๆ แต่เรื่องที่ต้องเล่าต้องนี่ครับ
โยเกิร์ตอินเดีย
โยเกิร์ตอินเดีย หรือ Lassi จะเป็นโยเกิร์ตเอามาตำๆผส
ให้ลองสั่งแบบสเปเชี่ยลนะ จะได้ผสมกัญชาไปด้วย ฮ่าๆ
น้องในทริปเกือบละ ฮากันทั้งร้าน เพราะไม่รู้ว่าใส่กัญชาไปด้วย คิดว่ารวมใส่ผลไม้หมดเลย
จนเอ็มเอะใจ เมื่อเห็นคนตำกำลังหยิบถุงอะไรสักอย่างกำลังจะใส่ ลองถามว่าคืออะไร โห มาลีฮวนน่า จบเลยเปลี่ยนๆ
ไม่เอ็มเปลี่ยนทันที กลัวจะหัวเราะกันทั้งคืน
สรุป 3G ที่ใช้ไม่ได้เพราะต้องเติมเงินถึงเลือ
ต้องเติมเงินก่อนให้เท่ากับราคาที่เราจะใช้ครับ จะใช้อินเตอร์เน็ตได้เลย
Day 04 2016/03/19 Varanasi
…
วันนี้พวกเราตื่นเช้า เพื่อมานั่งเรือแต่เช้าครับ
เจ้าของโรงแรมเสนอเรือให้จากโรงแรม ค่าจ้างสามคน คนละ 200 รูปี จริงๆก็แพงนะ แต่เพื่อความสบาย อย่าไปคิดอะไรมากครับ
ออกมาที่ท่า จะเจอกับเจ้าของเรือก่อน เสร็จแล้วก็ส่งต่อให้วัยรุ่นคนพายเรือให้เราอีกคนครับ คนละคนกัน เออ เป็นขบวนการดีนะ
ปรากฏการณ์ขบวนการลวงโลก
วันนี้แหละที่พวกเราจะโดนขบวนการชื่อดังของชาวแขกหลอก ฮ่าๆ คิดแล้วก็ขำดีนะ
พวกเรานั่งเรือข้ามฝั่งไปทะเลทรายฝั่งตรง
จะมีพวกลุงๆวิ่งแห่กันมาเช็คแฮนด์กับพวกเรากันใ
มายเฟรนด์ ด้อนท์วอรี่ ยูแฮปปี้ มีแฮปปี้ สุดท้ายจ่ายลุงๆไปสี่คนคนละ 50 รูปีครับ
พอสำเร็จความไคร่ เอ้ย ความเมื่อยจากลุงๆแล้ว
เดินเล่นบนทะเลทรายอีกหน่อยก็ไปเจอลุงโยคี พายเรือข้ามฝั่งมา ชุดนี่เป๊ะมากครับ
พวกเราก็สงสัยว่าแกจะมาทำอะไร อีกอึดใจเดียวแกนั่งลงบนหาด แล้วจัดการโยคะท่ายากกันเลยฮะ
สรุปว่าลุงโยคีเสื้อเหลืองน่าจะโดนทัวร์จีนจ้างมาฮะ กลับดีกว่า
ก็นั่งเรือข้ามมาเบิร์นนิ่งกาด เด็กคนพายมามาเลียบๆแถวๆฝั่ง เจอลุงบนเรือมาคุยด้วย มาอธิบาย เล่าเรื่องสารพัด
พวกเราก็นั่งฟัง อ่อ อ๋าา อืมม ตื่นเต้นกันสุดๆ แต่สุดท้ายอีลุงแขกก็เรี่ยรายเรียกบริจาคกันไป แหม มาเป็นขบวนการ
พวกเรานั่งไปกลับประมาณสองชั่วโมง เด็กเรือก็บอกหมดเวลาแล้ว
นี่ไปได้แค่ฝั่งเดียวเองนะ เมิงพากุหยุดนานมากก ถ้าจะไปต่อเสียเพิ่ม 400 รูปี ลงสิครับ
หลังจากนั้นพวกเราก็มานั่งพักกินข้าวร้านเดิม Spicy bites
ร้านนี้ใช้ได้ เน็ตเร็ว แต่ระยะเวลาทำกับข้าวคือ 1 ชม. นั่งเล่นเน็ตรอกันได้เลย บางคนหลับเลยก็มี
พวกเราตกลงกันว่าจะย้ายห้องนอนแต่โรงแรมเดิม
เพราะร้อนมาก ไม่ได้เปิดหน้าต่างห้องนอนด้วย ถึงมีพัดลมแต่ห้องดอร์มมันอยู่ใต้หลังคาดาดฟ้าพอดี
เลยย้ายลงมาด้านล่าง เย็นมาก เป็นห้องส่วนตัว แยกกันนอนไปพอจัดแจงเรื่องย้ายห้องเสร็จแล้ว
ก็เตรียมตัวไปสารนาท ระยะทางจากตรงท่าน้ำไปอีก 8 กิโล ไม่ไกลๆ One-day trip สบายๆ
เราได้รถตุ๊กๆไปกลับ 600 รูปี และให้พี่แขกรอเราถ่ายรูปสองชั่วโมงค่อยรับกลับไปส่งที่เดิม
การจราจรอินเดียนี่อินคริดิเบิ้ลตามสโลแกนจริงๆ ที่สุดในโลกละมั้ง ไม่ต้องมีเส้นจราจร ไฟเลี้ยวกันเลย
ขับล้นออกนอกเลน เจอพี่ตำรวจ เอาไม้ฟาดเฉยเลย ฮ่าๆ งงจริง
ถนนก็แย่สุดๆ หลุม บ่อเพียบ
ระหว่างไป รถตุ๊กๆเสียข้างทางยางแตก ก็พี่แขกแกซิ่งสุดๆเล่นไม่เบรคเลย
ช่วงที่รอรถเสีย และพี่แขกมาเปลี่ยนยาง ได้ถ่ายรูปเล่นกะชาวบ้านแถวๆนั้น
เฟรนลี่มาก ผมโดนเรียกให้ไปถ่ายในบ้านเลย
คนอินเดียอยากให้ถ่ายรูปแล
ไม่น่าเชื่อนะครับประเทศที่เป็นต้นกำเนิดพระพุทธศาสนา จะไม่ค่อยมีคนนับถือพุทธเลย มีก็น้อยกว่าฮินดูมากๆ
ตอนบ่ายว่าการจราจรแย่แล้ว
ตอนเย็นถึงค่ำ พวกเราไปนั่งเรืออีกรอบ 1 ชม 300 รูปี รวมสามคน ก็คนละ 100 รูปีครับ
ตรงกลางแม่น้ำยุงเยอะมากกกกกก ตอมหัวกันหึ่งๆ เลย สงสัยจะไม่ได้สระผม ฮ่าๆ
พวกเรานั่งเรือมาดูพิธีบูชากันอีกรอบ (เค้ามีพิธีกันทุกคืนนะครับ) ดูได้แป๊ปเดียว ไม่ค่อยมีอะไร กลับไปหาอะไรกินกันดีกว่า
วันนี้เป็นอีกวันที่พวกเรามากินข้าวที่ร้าน spicy bites เป็นรอบที่ 2 ครับ (ก็มันพอกินได้ที่สุดในแถวๆนี้แล้วนะ)การมาอินเดียครั้งนี้ทำให้ผมได้เห็นอะไรหลากหลายอย่าง
คนที่จนก็จนสุดๆ แตกต่างแบ่งวรรณะกันอย่างเห็นได้ชัดๆ คนดีๆหน่อย เค้าเรียกนิวเจนเนอเรชั่น ก็จะรับวัฒนธรรมใหม่ๆ เอามาใช้กัน
ถือว่าเป็นประเทศที่เปลี่ยนมุมมอ
…
Day 05 2016/03/20 Last day Varanasi
…
วันที่ห้าเริ่มรู้สึกหูอื้
ในความคิดผมอินเดียตอนนี้ที่ผมมา ผมคิดว่าน่าจะเปลี่ยน
ตอนนี้อินดี้แล้วนะ ที่โรงแรมใช้สมุดบุ๊กกิ้งเล่มใ
อีก 10 ปีข้างหน้าอยากลองกลับมาอีกครั้
เมืองพาราณสีเดินง่ายเพราะท่าน้ำเป็นขั้นบันไดตลอด เค้าทำบันไดขึ้นลง แต่ชันหน่อยแค่นั้นเอง ฮ่าๆ
ผมเดินจากโรงแรมไปทาง burning ghat ไปไกลมากเพื่อตามหาสำนักมวย
แล้วก็เจออยู่หนึ่งสำนัก มีลุงแขกเจ้าของสำนักอยู่แกพูดอั
พอถ่ายเสร็จไม่เก็บตังอะไรเลย แค่ขอดูรูปอย่างเดียวเลยบอกขอบคุณ ลุงคูลมากๆครับ 💪
พอเริ่มเดินวันหลังๆ เริ่มปลงละ ขี้เยอะมาก จนหลบไม่ไหว ยอมโดนๆเหยียบไปบ้างดีกว่า
มัวแต่เขย่งกระโดดใช้วิชาวัดเส้าหลิน กระโดดหลบทุกครั้งคงไม่ไหวแน่ๆ แต่อย่าโดนก้อนใหญ่ๆพอ 💩💩💩
พอตอนสายกลับไปกินข้าวร้านเดิมอีกแล้ว ก่อนกลับลุงแขกติดใจเอ็ม ฉุดเอาไว้อยู่ร้านเลย ฮ่าๆ สงสัยจะได้เพื่อนใหม่ละ
ทั้งโลคอล ไม่โลคอล เราเลือกได้นะ มากันเองมันก็ดีแบบนี้
สายๆของวันนี้ พวกเราได้รับเมลล์แจ้งว่าตั๋วไปอัคราคอนเฟิร์มแล้ว โหพี่ สุดๆมาคอนเฟิร์มวันเดินทางอีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงเนี่ยนะ 🚞
ผมลองไปหาเติมเงินซิมอีกครั้ง เมื่อวานร้านมีปัญหาเติมเงินให้ไม่ได้
สรุปเวลาซื้อซิมต้องเติมเงิ
ตอนแรกพยายามหาแพ๊คเกจ สมัครเท่าไรก็ไม่ได้ สรุปพอเติมแล้วก็ใช่ได้เลย แต่ไม่เข้าใจเวลาเช็คทำไมมี
พวกเราออกจากโรงแรม
แล้วนั่งรถออกมาจากตัวเมืองไปส
นั่งเกร็งกันจนถึงสถานีจนได้
ทุกสถานีรถไฟจะมีห้องรับรองสำหรั
ลงมาซื้อน้ำที่สถานี 15 รูปี เห้ยแบบถูกว่ะ
ไอ้เราก็มีแต่แบ้งค์ 100 จ่ายไป แขกมันก็ทอนมา 80 เราก็ทวงทำไมคืนไม่ครบ
มันก็ให้ลูกอมถั่ว 3 เม็ดกะเงินอีก 2 รูปี แหม่ๆๆวันนี้พวกเราจะนั่งรถไปอัคราต่อ รถไฟออกเวลา 16:40 ถึงประมาณตีสาม แล้วรอต่อรถไปโฮลี่ที่ Mathura ต่อ
คนที่สถานีรถไฟเยอะมาก เห็นแล้วสยองนิดๆ ผญ มาคนเดียวนี่ต้องใจกล้าหน่อ
แต่เค้านั่งชั้น Sleeper Class ไม่มีแอร์ เท่จริงครับ
ผมไม่ได้ซื้อข้าวมื้อเย็นมากิน สงสัยคืนนี้ได้กิน มาม่าแห้ง กับหมูหยองแน่ๆ (สรุปก็กินจริงๆครับ)
คืนนี้แยกกันกับเอ็มและพี่
เอ็มเดินตามสาวญี่ปุ่นสามค
แปลกดีที่คนญี่ปุ่นชอบมาเที่ยวอินเดีย ส่วนบ้านเราไทยแลนด์ชอบไปญี่ปุ่น ผมเจอคนไทยที่นี่น้อยมากๆนะ
เพื่อนร่วมห้องนอนรถไฟดีๆก็สำคัญ เด็กแขกเรียน BHU ที่พาราณสี ดูนิสัยดีชื่อชูป (ต่อด้วยอะไรไม่รู้เรียกยาก เรียกชูปนี่แหละ
อีกคนก็เป็นลุงแขก บอกว่าได้รีวอร์ดจากนายกมาขึ้นรถไฟแต่ได้เตียงเดียว แล้วทีนี้แกพาเมียมาด้วย
จะมาขอแลกที่กะชูป เอ้อ ดีงาม มีที่นั่งเดียวจะมาเนียน
ส่วนเพื่อนร่วมห้องอีกคนของผม แกลุงชื่
นั่งกันไปได้สักพักลุงหนุมานหิวข้าว เอาโรตีทอดห่อด้วยกระดาษหนั
โหยยยมันเยิ้มม ปฏิเสธทันควัน ไม่ไหวจริงๆ
แต่ลุงไม่ยอมแพ้ครับ
เพราะความใจดี
จำใจยอมไป อันนึง เด็กแขกก็กินด้วย หวานมากกก แสบคอเลยทีเดียว
ปล่อยลุงแกนั่งกินโรตีไปคนเดียวดีกว่า
ลุงขึ้นไปนอนเตียงแก โห แป๊ปเดียวครับ
ซวยละ ลุงสันสกฤตกรนดังแอนิมอลมาก
ดังราวๆ 18 ริกเตอร์ สาวญี่ปุ่นเตียงข้างๆจะเป็น
…
…
ถ้าไปถึงอัคราแล้ว ต้องเอากระ
แล้วค่อยไปเล่นโฮลี่ที่ Mathura ต่อ
ผมคุยกับชูปบนรถไฟ ซุปเรียนอยู่ BHU กำลังจะไป Kota
ชูปบอกว่าที่วัดที่เราจะไปเ
วันนี้จริงๆอยู่นอกแพลนที่เราวางแผนมากันตั้งแต่แรก เรามารู้ที่หลังว่า ถ้าจะมาเล่นโฮลี่ ไม่ควรพลา
กลางดึกครอบครัวแขกใหม่เพิ่งขึ้นมาเสียงดังมาก
วีคนี้เป็นวีควันหยุดยาวขอ
ต้องรีบไปต่อรถไฟตอน 8:18 แต่เช็คแล้วขบวนนั้นก็เ
แถมอยู่ไกลกว่าอีก เริ่มระทึกถึงเที่ยวรถไฟตอนกลับบ้านละอีลุงหนุมานลงมานั่งเตียงเ
โบกี้ A ของขบวนนี้ดูสกปรกกว่าตู้ AB ที่นั่งขามา ตู้นี้หาห้องน้ำแบบ Western ไม่เจอเลย ไม่รู้อยู่โบกี้อื่นหรือเปล่าพอถึงที่สถานี ก็เอากระเป๋าฝากไว้ที่สถานี มีห้องสำหรับฝากกระเป๋า มีคนเฝ้า
โดยเราเอาตั๋วรถไฟที่จะไปต่
รถไฟเลทไปประมาณ 1 ชม. แถมเปลี่ยนชานชาลาไม่บอกอีก
มีครอบครัวจากเดลีมาคุยด้ว
ได้เรียนภาษาอินเดียระหว่างทางไป Mathura
“ขอบคุณ = ทันนิหวาท”
“สวย = ซุนดาล”
ถึง Mathura แล้วก็รีบต่อรถไปวัด Banke Bihari ใน Varindavan
รถสามล้อที่ขับไปส่งเสียอี
คราวนี้สายคันเร่งหลุด ตามช่างมาเอามาแค่ไม้ขีด ซ่อมได้เลย แถมมายักคิ้วใส่ เหมือนบอกว่ากุแน่มั้ย ฮ่าๆระหว่างทางเดินเข้าวัดคนเล่นโฮลี่กันคึ
พอเราเข้าไปก็โดนทักเป็นญี่ปุ่นตลอด ก็โดนปาสี ป้ายสีบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะขอให้ถ่ายรูปใ
ในวัดต้องถอดรองเท้า ฝากไว้ด้านนอก จ่ายค่าฝากเท่าไรก็ได้ อันนี้แล้วแต่ศรัทธาเลย
ในวัดห้ามเอากระเป๋าเข้าด้วยนะ ต้องฝากเพื่อนไว้ข้างนอก
ผมก็ฝากกระเป๋าไว้กับเอ็มแล้วเข้าไปดูลาดเลาก่อน
ผมก็หิ้วกล้องไปสองตัว แต่โดนห้ามถ่ายรูปตลอด ผมพยายามหาทางขึ้นมุมสูง แต่ขึ้นไม่ได้ สุดท้ายยอมออกมาดีกว่า ไม่ได้ถ่ายมาสักใบ
ด้านในวัดก็จะมีคนสาดน้ำที่เป็นสี โยนพวงมาลัย เป็นเหมือนคนทรงอะไรทำนองนั้นครับ
หลังจากออกวัดมาก็นั่งรถมา
เข้าไปดูต้องฝากกระเป๋ากับก
พี่จะตรวจอะไรกันนักกันหนา แหม
พอออกมาจากวัด
ก็มานั่งกินข้าวหน้าวัด ร้านอาหารอินเดีย ส่วนใหญ่เป็นมังสวิรัติ แต่ไม่ถูกปากผมนะ ไม่ค่อยชอบ ถึงรสชาติจะไม่แย่นะ
ขากลับเจอลุงคนขับรถที่ขับ
แกจะไปทำบุญกะลูก เฮ้ยอินเดียหยิ่ง เท่สัส เพิ่งเคยเจอ
เสร็จแล้วพวกเรานั่งรถไฟกลับอัครา แสงสวยดีตอนเย็นๆ รถไฟเลทนิดหน่อยพอรับได้ ไม่น่าเกลียดครับ
มาถึงสถานี เอากระเป๋า ขึ้นรถไปโรงแรม พรีเพดถูกมากก 130 เอง
แถมแถวโรงแรมมีงานแต่งพอดีเลย
ห้องพักที่โรงแรม Sai Palace เป็นแบบ 4 คน private
นี่มี 2 เตียงใหญ่ และหนึ่งเตียงเล็ก แต่ห้องใหญ่มากกกก นอน 8 คนยังได้
งานแต่งหน้าโรงแรมเลย มีจุดพลุด้วย สามทุ่มครึ่งแล้วจะหลับลงมั้ยยยยเนี่ย
ในส่วนของพรุ่งนี้ก็จะได้เจอกับสิ่งมหัศจรร
…
Day 07 2016/03/22 Agra Taj Mahal
…
ครบหนึ่งอาทิตย์ในการใช้ชี
ผมตื่นตลอดเวลาตั้งแต่ ตี 4 – ตี 5:15
ช่วงเวลาประมาณตี 5:15 มีสวดละหมาดทั้งเมือง เสียงดังมากเป็นนาฬิกาปลุกไ
ผมลองเปิดแอพในมือถือดูอุณหภูมิ เพราะมันหนาวว โอ้โห 19-23 องศา จะสูงขึ้นตามอุณหภูมิชั่วโม
อัคราหนาวมากเช้าวันนี้ 19 องศา
ผมไม่คิดว่าอินเดียจะหนาวขนา
ลิงดอยมีหนวดใส่เสื้อยืดมาตัวเดีย
ทางเข้าทัชมาฮาลประตู south gate เปิด 8:30 ต้องเดินมา west gate เพราะเปิด 6:30
ส่วน east gate เปิด 6:00 อันนี้ไม่รู้จริงป่าวนะผมไม่ได้ไป
ที่นี่จะเอาแน่นอนกะเวลาเปิดไม่ได้
พวกผมมาเข้าคิวซื้อตั๋วก่อนเข้า
แบ่งเป็น ค่าเข้า 10 + ADA หรือ Tax india อีก 500 เสียที่นี่แล้วไม่ต้องเสียที่อื่นแล้วครับสำหรับ ADA
พวกเรามาถึงจุดขายตั๋วประมาณ ตี 5:45 แต่เปิดขายตั๋ว 6 โมง
ยุงดุมากกกก ควรใส่เสื้อแขนยาวขายาวนะ ผมนี่ยุงกัดเต็มตัวเลย
ตอนเข้าด้านในจะมีต่อคิวตร
ที่ทางเข้า ผมเห็นเค้าจะใช้มือถือสแกนตั๋ว 2D บาร์โค้ดด้วย ไฮโซซซซอ่ะ
พอประตูเปิดคนก็เยอะมากแล้
ด้านในกว้างขวางมาก ดูเค้ารักษา
ทัชมาฮาล
ถ้าจะเข้าตัวอาคารต้องถอดร
หินอ่อนแต่ละจุดสลักลงลาย สวยมาก ต้องเป็นชิ้นเดียวกันอีก แถมบล็อคตรงพื้นไม่เหมือนกั
ส่วนด้านในอาคารถ่ายรูปไม่
ผมคิดว่าที่นี่ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. น่าจะโอเคแล้วนะ ตื่นเช้าๆมาก่อนเปิด สัก 8 โมงแสงก็เริ่มไม่สวยแล้วครับ
ในช่วง sunrise ตัวทัชมาฮาลติดสีส้มมาสวยดี
ช่วงเดือนมีนาคม 2016 นี้ที่ผมมามีนั่งร้าน 3 อัน เห็นแล้วน้ำตาไหลพราก
เห็นพี่ๆ ที่เค้ามาก่อนหน้าแค่เดือนเดียว มีแค่ 2 อันเอง ต่อไปซ่อมตัวโดมตรงกลางสินะ
ออกจากทัชมาฮาลก็จะมีของขายข้างทางเยอะแยะเลย เสนอขายกันสนุกเลย ลดราคาแล้วลดอีก แต่ก็ไม่ได้กินเงินพวกเรา ฮ่าๆ
กลับมาโรงแรม ไม่รู้ว่า Check out สิบโมง อยู่ถึง 11 โมงจนเค้าต้องขึ้นมาตาม รีบเก็บของสิครับ แหม ชิลเกิน
ช่วงสายๆ เที่ยงๆเริ่มร้อนไม่รู้จะไปไหน ก็นั่งเล่นดาดฟ้าโรงแรมยาวๆ บ่ายๆค่อยออกไปถ่ายรูปกัน ฝากกระเป๋าที่โรงแรมไว้เลย
ที่อัคราละหมาดกันสามเวลาเ
ได้เวลาไปสถานีรถไฟ แล้วเที่ยว Agra Fort ต่อ
เหมารถลุงแถมๆโรงแรมไปสถานี Agra Fort เพื่อฝากกระเป๋าไว้ ค่าฝาก 24 ชมแรก 15 รูปี ดูปลอดภัยด้วยนะ
ลุงคนขับอาสาพาเที่ยว ไปเบบี้ ทัชมาฮาล สวนหลังทัชมาฮาล และกลับมา ป้อมอัครา เสร็จพาไปกินข้าว และกลับไปส่งสถานี คิด 500 รูปี
ตุเลงๆไปกับลุงสามล้อทั้งบ่าย
เบบี้ทัชมาฮาล ไม่ค่อยมีอะไร แต่ก็สวยดี เล็กๆน่ารัก ใช้ตั๋วทัชมาฮาล ได้ราคาเท่าคนอินเดีย
ไปสวนด้านเหนือตรงข้ามทัชม
ค่าเข้า 100 ลดไม่ได้ ได้เห็นทัชมาฮาลฝั่งตรงข้าม
ที่นี่มีรั้วกั้นลงไปริมน้ำ แต่ไม่มีป้ายห้ามลงไปนะครับ เดินไปฝั่งซ้ายรั้วไม่มีแล้ว ผมเลยลองลงไปถ่ายรูปริมน้ำดู
ตัดภาพมาสักพักมีตำรวจวิ่ง
ตะโกน เฮ้ๆๆๆ ระทึกมาก ตกใจสิ อะไรวะ
พี่แกใส่เรย์แบนหน้าเข้มมาเชียวกุทำไรผิดวะ หรือเค้าห้ามลงข้างล่างเหรอ
ตำรวจถามว่าลงมาทำไม ก็บอกไป มาถ่ายรูป นึกว่าลุงตำรวจแขกจะจับใส่กุญแจมือซะแล้ว
เราก็ถามว่าลงมาไม่ได้เหรอ แกก็บอกไม่ได้ เราก็ขอโทษแล้วเดินกลับไป
“ห้ามลงมาริมน้ำนะครับ เดี๋ยวโดนจับหาว่าผมไม่เตือนนะคับ TxT”
เสร็จแล้วพวกเราก็กลับไปป้อมอัครา ชอบมาก กว้าง สวยดี แถมค่าเข้าที่นี่ได้ราคาเท่าคนอินเดียนะ
ต้องอ้อมไปซื้อีกด้านนึงของที่ขายตั๋ว ถัดไปทางขวาครับ
มุมจากป้อมจะมองเห็นทัชมาฮ
กระรอกที่นี่เชื่องคนมาก เอาอาหารให้จากมือได้เลย
ถ่ายรูปกันจนป้อมปิด ออกมาเจอลุงตุ๊กๆ ให้พาไปร้านอาหาร
แม่เจ้าสั่งกันไปมา หมดไป 1000 กว่ารูปี มื้อนี้แพงสุดละในทริปนี้ แถมต้องทิปมันอีกนะ บ๋อยทวง
แต่อาหารใช้ได้ ไก่ย่าง Tandoori อร่อย นิ่มมาก
กินเสร็จ คุณลุงพากลับมาสถานีรอรถไฟเพื่อต่อไป
กะว่าจะเข้าโรงแรมแล้วจองห้องคืนนี้นอนเลย เพราะกะพลาดไปหน่อย คิดว่าได้นอนบนรถไฟ
เจอแขกโกงจนได้ ดีที่ไหวตัวทัน
ระหว่างรอรถไฟมา ผมออกไปซื้อน้ำที่สถานีน้ำมะนาวโ
ผมให้แบงค์ 500 รูปีไป แต่ทอนมา 360 แหม ดีนะนับก่อน
ทวงถึงคืนทันที ซอรี่ๆ ร้ายนะเมิง ระวังนะครับ เช็คตังทอนดูดีๆก่อนออกจากร้าน
จบวันเหนื่อยฝุดๆ รอขึ้นรถ 4 ทุ่ม 15 ถึงนู่นตีสอง
…
Day 08 2016/03/23 JAIPUR (Pink City)
…
“Welcome to Pink City” คนขับรถตุ๊กๆบอกพวกเราระหว่างทางที่ผ่านเข้า Gate ของเมือง
ตัดภาพมาก่อน
รถไฟมาถึงชัยปุระเมืองแห่ง
พวกเราออกจากสถานีโดนชมรมสมาชิกตุ๊กๆ รุมกันใหญ่ ประหนึ่งเป็นดาราโดนขอลายเซ็น ฮ่าๆ ใครอยากได้โมเม้นนี้รีบไปอินเดียเลยครับ
ตกลงราคาได้ 200 มาส่งโฮสเทลที่พวกเราจองไว้ ชื่อ Zostel Jaipur Hostel
จากสถานีรถไฟมาที่โฮสเทล แป๊ปเดียวสัก 10 นาทีได้
โฮสเทลไม่มีใครอยู่ที่ฟร้อ
กับคนแขกหลับอีกสองคน พวกเราสามคนไม่รู้เอาไง ไม่มีคนดูแล ก็เลยเข้ามานอนบ้า
ตอน 7 โมงกว่าก็ตื่นแล้วครับ เพราะฝรั่งที่นี่เริ่มตื่นกันแล้ว
โฮสเทลนี้ (Zostel Jaipur) นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะทีเดียว ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวฝั่งยุโรป ถ้ากลับมาราชาสถานอีกครั้ง จะมาที่นี่อีก
ระหว่างรอเช็คอินครับ
มีเรื่องเด็ดในการทำความสะอา
คือในการทำความสะอาดของที่นี่ครับ มี 3 ระดับ เนื่องจากเห็นพี่ๆเค้าทำที่ห้อง
-หนึ่ง คือ การกวาด จะกวาดแบบปัดๆๆ ฝุ่นมันก็ฟุ้งอยู่ตรงนั้น กวาดออกไปหน้าประตู
-สอง คือ การปัด ปัดๆตรงเบาะ ให้ฝุ่นออก ปัดๆบนโต๊ะต่อ
-สุดท้าย การถู ทำงานเป็นทีม คนแรกจะเอาน้ำยาใส่ขวด ราดๆ บนพื้นๆไปเรื่อยๆ อีกคนก็ตามถูๆๆ
-ถามว่าสะอาดมั้ย ??? เหมือนเดิมครับ ดีกว่าเดิมหน่อย
เช้าวันนี้ออกไปป้อมแอมเบอร์กับเอ็มสองคน พี่ทัยแยกกันไปเที่ยวแล้ว เพราะเดี๋ยวพี่เค้าจะกลับในวันถัดไป
Amber Fort ใหญ่มากกก สวยดี ดูอลัง สมเป็นเมืองหลวงของแคว้นนี้
ก็จ่ายค่าเข้าไปครับ ค่าเข้า 500 รูปี แพงขึ้นอีกแระ ถ้าซื้อทัวร์ทั้งวัน 1000 รูปีครับ เข้าได้หลายที่อยู่
แต่พวกผมกะเข้าแค่ที่เดียวครับ เลยซื้อแค่ 500 รูปี
ถ้ามีบัตรนักเรียนจะลดราคาได้นะ เสียดายไม่ได้ทำที่ข้าวสารมา
เข้าไปข้างในผมก็จัดแจงตั้งขาตั้งถ่ายรูปครับ เพราะผมสังเกตแล้วว่าไม่มีป้ายห้ามใช้ขาตั้ง
แต่ แต่ แต่
โดนตำรวจจับอีกรอบสิครับ เนื่องจากตั้งขาตั้งบนป้อม
อ้าว ผมก็บอกว่า ไม่เห็นมีป้ายห้ามใช้ขาตั้ง
โดนเรียกคุย เราก็ขอโทษแล้วเก็บของแต่โดยดีครับ สักพักตำรวจแขกมาไถตัง 500
เฮ้ยไม่ใช่ละ ไม่ให้ จะเนียนสินะ แหม เดินหนีเลยครับ
เพราะฉะนั้น ตามพวกป้อมห้ามใช้ขาตั้งกล้องนะครับ ไม่ต้องพกมาเลย
เดินถ่ายจนเที่ยงก็ไป Jal Mahal แต่ไปผิดเวลา ร้อนมาก
เลยให้พี่แขกรถตุ๊กๆพานั่งรถกลับมาโฮสเทลแทน เพราะร้อน
แถวๆนี้เริ่มเล่นโฮลี่บ้าง
กำลังออกไปจะไปถ่ายรูปเค้าโฮลี่บ้างแต่
เมืองชัยปุระนี่เจริญมาก ถนนเรียบ ดูเจริญกว่าเมืองอื่นๆเลย ร้านขายของก็เยอะ แบรนด์เนมเพียบเลย
เท่าที่สังเกตดูผู้ชายแขกที่นี่จะ
พอตกบ่ายแก่ๆ ลองเดินเข้าไปดู City Palace กันกับเอ็ม ดูแล้วไม่ค่อยมีอะไร
มีมิวเซียมผ้าของกษัตริย์ และช่วงเย็นมีการแสดง ช้าง ม้า อูฐ ให้คนได้ถ่ายรูปกันครับ แต่งตัวจัดเต็มเลย–อันนี้สนุกดี
ออกจาก City Palace มาได้พี่ตุ๊กๆมาทักบอกชวนไป พาไป Jal Mahal ตกลงราคากัน 200 รูปี อ๊ะโอเคสิ
พี่ตุ๊กๆคนขับเนี่ยเป็นอิสลามฮะ บอกพวกเราว่าแกมีเมีย 1 ลูก 3 แถมแฟนอีก 3 เออดีจัง
มาถึง Jal Mahal ก็ตั้งกล้อง ตั้งขาตั้งถ่าย Timelapse ใช้เวลาที่นี่สักพักครับ
พี่ตุ๊กๆ ชวนคุยตลอดที่ถ่าย
ผมถามพี่ตุ๊กๆว่า วันนี้มีช้างโฮลี่มั้ย เพราะเป้าหมายหลักที่เมืองนี้คือตั้งใจจะมาถ่ายช้างแต่งโฮลี่
แต่พี่เค้าบอกว่าไม่มีมา 3 ปีแล้ว รัฐบาลยกเลิกไป เฮ้ยจริงหรอวะ! เสียใจ
พอถ่ายเสร็จยกเลิกไปดูช้าง แต่ไปดูการทำผ้าแทน พี่เค้าบอกเป็นโรงงานน่าสนใ
แต่…
สุดท้ายพาไปซื้อของ อ่าวหลอกกุนิ!
ออกจากร้านโดยไม่มีอะไรติด
ระหว่างนั่งตุ๊กๆ ถามพี่เค้าว่าตัดผมที่นี่เท่าไ
ถึงหน้า Hawa Mahal พี่ตุ๊กๆส่งตรงนี้
เดินขึ้นดาดฟ้า มีเด็กมาทัก บอกจะพาไป บอกว่าที่นี่อ่ะร้านมัน อ่ะไปก็ไป
ผมก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ สักพักเด็กคนเดิมมาเรียกบอกร้านจะ
อ๊ะลงๆ ไปร้านเด็กแขกต่อ เพราะมันบอกว่าถ่ายเสร็จแล้วไปดูของร้านมันด้วยนะ ไม่ซื้อก็ได้
ไอ้หนูพาเดินจากจุดถ่ายรูปประมาณ
อ่าวๆ ไม่ใช่ละ มึงหลอกกูมาอีกแล้วว สาสสส นกต่อชัดๆ
แต่สุดท้ายไม่ได้หลอกเงินชายไ
แหม ถามว่ายูมีเสื้อใส่เล่นโฮลี่พรุ่งนี้ยัง
จะมาขายเสื้อขาวใส่เล่นโฮลี่ให้ ปกติขายตัวละ 1000 ลดให้เป็น 900 สักพัก 750 สักพัก 450 สุดท้าย 300 นี่ต้นทุนมึงเท่าไรกัน
เลยเดินออกจากร้านกันไปเลย
มาร้านข้างนอกเสนอขายเสื้อโฮ
กลับมาแถวโฮสเทล จะหาอะไรกิน ไม่มีปิดหมด
โฮสเทล Zostel นี่คนเยอะมากกกกกกกก ส่วนมากเป็นฝรั่ง มีเอเชียประปราย ห้องนั่งเล่นตอนนี้คือศูนย์
คืนนี้พักผ่อน เหลืออีก 2 วัน กับการนอนบนรถไฟอย่างเดียว
วันพรุ่งนี้เป็น Holi Day —Happy Holi
…
Day 09 2016/03/24 HOLI DAY JAIPUR
…
วันที่ 9 แล้ววววว เย้
ตื่นมาก็ท้องเสียเลยยย พลาดอะไรไปหรือเปล่าเมื่อคืน
เมื่อคืนกินโจ้กซอง กับขนมปังแซนวิสไข่ข้างทางแบ่งมาจ
เจอเอ็ม ถามเอ็มว่าท้องเสียป่าว เอ็มตอบทันที ใช่–แซนวิสไข่ข้างถนนแน่ๆเลย แต่พี่ทัยไม่เป็นไร อาจจะเพราะคนละชิ้นกัน
กินข้าวเช้าที่โรงแรม มีขนมปังกรอบ คอนเฟรค ไข่ กาแฟ
ผมซัดยาเข้าไปเต็มที่เลย ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้แพ้ เผื่ออาการจะทุเลาบ้าง
หลังจากนั้น ทุกคนก็ขึ้นไปเล่นโฮลี่บนดาดฟ้าโร
ผมแพคกล้องไปอย่างดี ด้วยถุงพลาสติกกันน้ำ พกกล้อง Canon 6D+70-200 กับโซนี่ A7+24-70 แถมโกโปรติดหัวอีกอัน
ไม่ค่อยได้ภาพดีๆเท่าไรแบบ
ส่วนอีกที่ที่เห็นบ่อยๆเป็นภาพสวยๆคือที่ Utah USA
บรรดาฝรั่งพร้อมเพียงใส่ชุดขาว ขึ้นไปเล่นสีกัน มีเพลงอินเดียเปิด มีขนมคุ้กกี้ และ ถั่ว!!!
ผมขึ้นไปถ่ายรูปไม่ได้ไปป้
เล่นสักพักสีหมด 555 แต่ละคนหันมาเล่นน้ำแทน แหม ผมนี่นึกว่าสงกรานต์ 💦
ส่วนในเมืองคนก็เล่นกันตามจุดต่างๆ ผมไม่ไหว เพลีย เลยนอนเล่นโรงแรม ก็เลยไม่ได้รูปโฮลี่ที่อื่นๆเลย
คืนนี้เราจะขึ้นรถไฟไป Jodhpur เมืองสีฟ้าตี 2:45 ตอนนี้ก็หลับที่โรงแรมรัวๆ ดีนะที่นี่เช็คเอ้าท์แล้วอยู่ต่อได้เลย เป็นโฮสเทลที่ยืดหยุ่นมากๆ
เมื่อวานไป Amber Fort ลืมไป Panna Mena Ka Kund เสียใจมากก สงสัยต้องมาใหม่อีกรอบ
อยู่โฮสเทลนั่งดู MV อินเดีย เฮ้ย แบบว่ามันดีมากเลยนะ บวกกับหนังอินเดีย ภาพสวยมากก
แบบฮอลลีวู๊ดเลย นักแสดงก็หน้าตาดี แต่! แม่งก็ยังเต้นอยู่ ที่เด็ดคือโปรดักชั่นการเต้
ฝรั่งที่โฮสเทลวันนี้ก็ไม่
ต่างคนคงต่างรอย้ายเมืองเห
สั่งอาหารมากินทั้งกลางวัน
เวลากินอาหารแบบอินเดีย จะได้กลิ่นตัวอินเดียลอยมาแ
เดินออกไปถ่ายรูปตอนเย็น เค้าเลิกเล่นโฮลี่กันหมดแล้
ลุงสามล้อปั่นแถว Palace มาชวนไป indian market ตอนแรกบอก 50 สักพักเราเดินกลับมาบอก 20 เอ็นดู
กุเดินยังเร็วกว่าเลยมั้ง เหมือนทรมานคนแก่ เลยไม่ไปกะแก
กลับมาโฮสเทลรอรถไฟตอนตี 2:45 ต้องออกจากโฮสเทลสักตี 1 หลับรอเลย
…
Day 10 2016/03/25 Jodhpur Blue City
…
งานเที่ยวเมืองในหนึ่งวัน One Day Trip สัสๆ
ตื่นมาในโฮสเทลเตรียมจะไปขึ้นรถไฟ แม่ม น้ำหายไปขวดนึง แถมสายไอโฟนของผมโดนสลับอีก ปวดหัวเลย ฝรั่งขี้ขโมย
รถไฟที่จองขาไป Jodhpur นั่ง First Class เลยทีเดียว ไม่ใช่รวยนะฮะ ตั๋วเต็ม!
รถไฟชั้นหนึ่งนี่จะแบ่งเป็
พอมาถึงสถานีก็นั่งรถเข้าโรง
บ้านที่นี่จะเป็นตรอกๆ ดูไปก็คล้ายพาราณสี แต่คุณภาพชีวิตดูดีกว่านะ
เพราะเค้าว่าพาราณสีเป็นเมืองที่จนที่สุดแล้วในอินเดีย
ใน old city ส่วนใหญ่ก็จะทาสีฟ้าที่ตัวบ้าน เออ สวยดี
โรงแรมส่วนมากจะมี rooftop ให้ และจะเป็นร้านอาหาร
เราจองโรงแรมไว้เพื่อฝากกระเป๋า
เมืองนี้เดือนมีนานี่อากาศดีนะ ฟ้าใสทุกวัน ฝนไม่ตกเลย และไม่ค่อยมีหมอก
เสียดายร้อนไปหน่อย เมืองที่หนาวที่สุดคือ Agra 19 องศา
ตอนนี้เหลือกันสองคนกับเอ็
พอถึงโรงแรมที่เราจองไว้ Jewel Palace ห้องดีใช้ได้เลย ที่นี่เช็คเอ้าท์ 9:30-10:00 เช็คอิน 10:00 มาถึงก่อนเวลาก็ถ่ายรูปเล่น
ตอนแรกเดินมั่ว เดินไปเข้าจุดที่เค้าเล่น Zip Line กัน โหไปเรื่อยเลย ไม่ได้เปิดแมพดูอ่ะ ฮ่าๆ
เดินย้อนออกมาอีกทาง เล่นเอาหอบเลย แถวๆ Zip Line จะมีทางลงบ่อน้ำคล้ายๆกับ Panna Mena Ka Kund ด้วยแต่เล็กกว่า
ไปถึง Mehrangarh Fort
ค่าเข้า Palace+Museum 500 กล้องถ่ายรูปอีก 100 แพงอีกแระ
ด้านใน Mehrangarh Fort จะมีมุมถ่ายจุดต่า
กะว่าจะอยู่ที่นี่ยาวๆ แล้วกลับโรงแรมไปถ่าย Twilight แดดร้อนสุดๆ
พอเดินเล่นเสร็จก็กลับมาถ่าย
แต่ก็มือเปล่ากลับบ้าน หาอะไรถ่ายไม่ได้เลย ฮ่าๆ
ระหว่างทางเจอเด็กแขก ก็แจกลูกอมเด็กๆไป แต่ส่วนใหญ่เด็กๆจะชอบปากกา
ผมกลับมานั่งรอถ่ายรูปที่ดาดฟ้าโรงแรม
นึกว่าจะไม่มีอะไร ก่อนกลับฟ้าครึ้ม ฝนตกลงมานิดนึง ส่งท้ายกันเลยทีเดียวว ไหนแสงเย็นช้านน
วันนี้วันสุดท้ายแล้วที่จะ
ตลกดี! นั่งรถตุ๊กๆจากโรงแรมขากลับ
สุดท้ายแล้วราคาจริงๆมันเท่
นั่งรถไฟข้ามคืน ถึงสายๆ ไปสนามบิน บินกลับบ้าน
คิดถึงบ้าน คิดถึงอาหารไทย คิดถึงคนที่บ้าน
…
Day 11 2016/03/26 Good Bye India
…
มาถึงเดลีเช้าก่อนเวลา 11:00
ซิมเน็ตที่เดลีเป็น 4G เร็วใช้ได้ฮะ
ไฟลท์ของ Spicejet ต้องไปที่ Terminal 1
แต่ไฟลท์ดีเลย์ 2 ชั่วโมง จากที่กลัวรถไฟดีเลย์ เครื่องบินดีเลย์ซะเอง
คนขับรถ Shuttle bus Airport ที่นี่ขับไม่ต่างกันกับในเมืองเลย บีบแตร ซิ่ง เหมือนกันเลย คนอินเดียขับรถแบบนี้ทุกคนสินะ
ระหว่างรอขึ้นเครื่องก็มานั่งกิน subway ในสนามบิน
สนามบินอินเดีย จะตรวจเข้มมาก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ นี่แทบจะเอามากองทุกอย่าง โดนยึดหกเหลี่ยมไขเพลตขาตั้
มารอที่สนามบินเชนไนเพื่อไ
ระหว่างทางมาฝั่งอินเตอร์ เจอคนอินเดียพูดไทยได้ กับ คนไทยอีกคน มาจากเดลีเหมือนกัน
แปลกดี เพื่อนร่วมทางหลายๆคนที่เจอ
น้องเซอร์เบียที่พาราณสี เรียนจบเพื่อมาหาจุดมุ่งหมา
สองหนุ่มญี่ปุ่นชาวโตเกียวที่เจอบนดา
ฝรั่งในโฮสเทลชัยปูระ มาเพื่อสนุกสนาน เฮฮา และหลุดโลก จนวันสุดท้ายมันเอาบิกินี่เ
เอ็มมาอินเดียเพราะเพื่อนไ
พี่ทัยอยากมาเห็นทัชมาฮาล เห็นแล้วคือฟิน
ตัวผมเองก็ได้เห็นอะไรหลาย
โดยเฉพาะกลิ่น
คนที่ท้อเมื่อเจอปัญหาเล็ก
ถ้าความมุ่งมั่นที่อยากจะม
ผมคงจะไม่ได้เจออะไรแบบนี้ และหลงรักอินเดียประเทศนี้แ
แม้รองเท้าจะเปรอะเปื้อนอุ
ผมไม่ลืมมันจริงๆ
ลาก่อนเพื่อนใหม่ที่ชื่ออิ
ขอบคุณพี่ทัยกับเอ็มที่มาด้
ผ่านไป 10 กว่าวันที่นี่ ในหัวใจดวงน้อยๆของผมก็ได้เปิดใจต้อนรับเพื่อนคนนี้มาอย่างเต็มสี่ห้องหัวใจของผม
จนคิดว่าจะกลับไปเยี่ยมเค้าอีกทีให้ได้แน่นอน ผมเปิดใจไปแล้ว
.
.
แล้วคุณล่ะครับ?
.
.
.
พร้อมที่จะยินดีต้อนรับแขกคนนี้ไว้ในใจเหมือนผมมั้ย?
.
สรุปงบประมาณการเดินทางครั้งนี้ครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ