SoloTraveller หลงรักฟุกุโอกะ (ตอนที่ 01 FUKUOKA) 29days in Japan
SoloTraveller หลงรักฟุกุโอกะ (01 FUKUOKA) 29days in Japan
หลงรักฟุกุโอกะ
สวัสดีครับ
รีวิวนี้เป็นครั้งแรกของตัวผมเองในชีวิต และในบล็อคนี้ก็ว่าได้
เคยได้อ่านรีวิวของเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่นี่มานานมากแล้วครับ เรียกได้ว่าทุกครั้งที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง
ก็ต้องแอบมาอ่านจนได้ข้อมูลเอาไปประยุกต์ใช้กับตัวเองมากมายครับ ต้องขอบคุณ reviewer และ blogger หลายคนมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
จนถึงวันนี้ผมจึงอยากตอบแทนสังคมบ้าง ไม่มากก็น้อย โดยการเขียนเรื่องของตัวผมเองที่เรียกได้ว่าเป็นบันทึกการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง(คนเดียว) (ไม่รู้จะพอมีสาระมั้ยนะครับ) ในประเทศญี่ปุ่นที่คนไทยไปกันเยอะแยะมากมายจนแทบจะทั่วประเทศแล้วนั่นแหละครับ โดยใช้เวลา 29 วัน
โดยการเดินทางครั้งนี้เริ่มจากได้อ่านรีวิวของ GoGraph เด็กวัยรุ่นไทย 3 คนที่ไปเที่ยวอยู่ที่ญี่ปุ่นตั้งแต่เหนือจรดใต้ด้วยรถไฟครับ
จริงๆผมเห็นวัยรุ่นหลายคนแล้วนะครับ ตั้งแต่หมอตะลุยโลกแล้ว
หลายๆความฝันเราอย่าเพียงแค่อ่านครับ แค่ตั้งใจและลงมือทำ มันไม่ไกลเกินที่เราจะเอื้อมถึงหรอกครับ
กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ (เล่าสาวความซะยาวยืดเชียว)
ในความตั้งใจแรกของผมคืออยากจะไปเที่ยวอยู่แล้วแต่ไม่ได้นานขนาดที่จะเกิน 15 วันขนาดนี้ แต่ผมเคยคิดไว้ว่าไหนๆจะเที่ยวแล้ว ก็จริงจังกับมันไปเลย
ผมก็เลยเริ่มที่จะตัดสินใจ… 29 วัน ประจวบกับตั๋วโปรโมทชั่นของสายการบินไทยช่วงนั้นครับ
แต่ปัญหามันมีหลายอย่างคร้บ ที่จะขยับตัวเองให้ไปเที่ยวได้นานขนาดนี้ เนื่องจาก
1. ต้องลางาน 1 เดือน (มีน้อยบริษัทครับที่จะให้ลาขนาดนี้)
2. ต้องวางแผนการเดินทาง
3. ต้องวางแผนงบประมาณ
4. ไปแล้วเราจะอยู่ยังไง เที่ยวคนเดียวจะเหงาแค่ไหน
ผมจึงเริ่มทำทั้ง 3 ข้อนี้ก่อนไปในเวลาเพียง 3 เดือน คือ
1. ลาออกจากงาน (ผมมีงาน Freelance อยู่แล้วครับ เลยสามารถทำได้ และประกอบกับเบื่องานประจำที่ทำอยู่ด้วยครับ)
2. วางแผนการเดินทาง
3. วางแผนและเริ่มเก็บเงิน
การจะเดินทางชมใบไม้แดงนั่นต้องไล่จากทางเหนือของประเทศ แล้วลงมาทางใต้ครับ เพราะใบไม้แดงจะเริ่มจากพื้นที่ที่อากาศเย็นมาก่อนครับ
แน่นอนครับนั่นเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง และยอดฮิต แต่…
ผมเลือกที่จะย้อนศรกลับไปโดย เดินทางจาก ฟูกูโอกะ เกาะคิวชู และขึ้นเหนือไปสู่เกาะฮอกไกโด
เพราะผมต้องการที่จะไปดูหิมะตกที่ซัปโปโรครับ แค่นั้นจริงๆ ส่วนใบไม้แดงแค่ได้เห็นบางที่ผมก็พอใจแล้วครับ
เรามาเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้แบบลุยเดี่ยวกันเลยดีกว่านะครับ
อ้อ… เกือบลืม หากใครต้องการจะพูดคุยหรือสอบถามเรื่องอื่นๆ สามารถเข้าไปพูดคุยหรือแวะทักทายได้ที่เฟซบุ๊คเพจนะคร๊าบบบ
ฝากติดตามด้วยนะคร๊าบบ หวังว่าบล๊อกนี้จะมีประโยชน์กับผู้ที่คิดจะออกเดินทางไม่มากก็น้อยนะคับ
Solotravellers by hasinghaa
แผนที่และเส้นทางการเดินทางครับ ผมเริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2013 – 19 พฤศจิกายน 2013 ลงเครื่องที่สนามบินฟูกูโอกะ
และ กลับทางสนามบินนิวชิโตเสะ ซัปโปโรครับ
เมืองที่ผมไปมีทั้งหมด 21 เมืองครับ
01 FUKUOKA <– ตอนนี้เราอยู่ที่นี่ครับ
02 NAGASAKI
03 YUFUIN
04 KUMAMOTO (ASO)
05 HIROSHIMA
06 MIYAJIMA
07 OSAKA
08 KOBE
09 NARA
10 KYOTO
11 KANAZAWA
12 SHIRAKAWAGO
13 TAKAYAMA
14 TOYAMA (MT. TATEYAMA)
15 KAWAGUCHI-KO
16 YOKOHAMA
17 TOKYO
18 NIKKO
19 HAKODATE
20 OTARU
21 SAPPORO
View Japan 29 Days Trip in a larger map
มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ ^^
วันแรกของการเดินทางผมก็มานั่งเครื่องจากเชียงใหม่มาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิครับ
เผลอแป๊ปเดียวก็บินมาถึงแล้วครับสนามบินฟูกูโอกะ
ก่อนอื่นก็ซื้อตั๋ว One-day Pass ก่อนเลยครับ เพื่อไปที่โฮสเทลของเรา ผมมาถึงญี่ปุ่นประมาณ 8 โมงครับ
การจะเดินทางไปขึ้นรถไฟใต้ดินต้องนั่ง Shuttle Bus จากที่ International ไปที่ Domestic Terminal นะครับ นั่งฟรีครับ
ผมจองโฮสเทลไว้ที่ Gofukumachi ครับ ใกล้ๆกับสถานี HAKATA สถานีที่เราจะไว้เป็นศูนย์กลางเดินทางไปเมืองต่างๆครับ
ก่อนอื่นก็จัดการ One-day pass ก่อนเลยครับ วันนี้ทั้งวันได้ใช้แน่นอน 600 เยนครับ จัดเลย
เก็บกระเป๋าเสร็จก็ออกมาเดินเล่นครับ ผมพักที่ TAKATANIYA HOSTEL ครับ เจ้าของคือ MASA & SHINYA ครับน่ารักมากช่วยผมในหลายๆเรื่องเลยทีเดียว
เดินออกมาดูกราฟฟิกบ้านเค้า สวยงามน่าอยู่จริงๆ
ภายในสถานี TENJIN ครับ สวยจนต้องถ่ายรูปเก็บไว้
ผมเริ่มต้นวันด้วยการนั่งรถไฟไปศาลเจ้า Dazaifu เอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนเลยครับ เนื่องจากเป็นสาย Local ต้องจ่ายเพิ่มจาก One-day pass ที่เราซื้อมานะครับ
ถึงแล้วดูสะอาดเรียบร้อยเจริญหูตามากๆครับ
ร้านรวงที่นี่ก็ชวนพาเสียตังซะเหลือเกินครับ
ทางเดินเข้าศาลเจ้าครับ ศาลเจ้านี้ขึ้นชื่อเรื่องการเรียน หรือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยครับ เดี๋ยวจะเห็นว่ามี นักเรียนจากทั่วประเทศมาขอพรกันมากมายครับ
ร้าน Starbucks ในตำนานครับ Design ที่นี่ล้ำจริงๆ ข้างในก็สวยนะครับ แถมพนักงานยังน่ารักอีก เวลาสั่งกาแฟเล่นเอาผมเขิลเลยทีเดียวครับ 555
ดื่มกาแฟเสร็จก็เดินข้ามสะพานเข้าศาลเจ้ากันครับ
ถึงแล้วครับ จะเห็นว่าคนเยอะมากๆครับ ขนาดวันธรรมดานะครับ มีทัวร์ทัศนศึกษาของโรงเรียนต่างๆ พาเด็กนักเรียนมาขอพรกันมากมายครับ
น้องๆพวกนี้สงสัยจะเป็นเด็กศิลป์นะครับ น่ารักดีครับ เล่นกล้องด้วย ^^
แถวๆวัดมีโรงเรียนอนุบาล แอบถ่ายเด็กๆเล่นตอนกลางวัน น่ารักอ่ะ ><
เดินออกจากวัดอีกฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนอนุบาลจะเป็นลานกว้าง ระเบิดสเปซเปิดโล่ง และมีศาลเจ้า กับพิพิธภัณฑ์อยู่ใกล้ๆกัน ผมแค่เดินเล่นไม่ได้เข้าสักที่ครับ
ต่อแถวซื้อโมจิกินระหว่างทางเดินออกจากวัดครับ
อันเดียวพอแค่ชิมๆครับ อร่อยดีมีขายหลายร้านเลย เป็นไส้ถั่วแดงครับ
ต้องกลับแล้วครับ เพราะจะไปถ่ายแสงเย็นที่ Marizon อันนี้หน้าสถานี Dazaifu ครับ
ระหว่างรอรถไฟออก ก็ถ่ายรูปเล่นแถวๆนั้นหน่อยครับ อากาศดีเชียว
โผล่ไประหว่างทางเดินไป Marizon เลยแล้วกันฮะ 55
วิธีจะมาที่ Marizon หรือ Fukuoka Tower ผมก็นั่ง Subway มาลงที่สถานี Nishijin ครับ แต่ต้องเดินหน่อยหอบเหมือนกันครับกว่าจะถึง Marizon
ทางที่ดีนั่งบัสจะง่ายที่สุด มาลงที่ Tower ได้เลยคับ
เห็น Fukuoka Tower แล้ว แต่เดี๋ยวไปเดินเล่นริมทะเลที่ Marizon ก่อนครับ
อากาศดีมากๆครับ แต่เหมือนจะเงียบๆไปหน่อย ไม่ค่อยมีคนหรือนักท่องเที่ยวเท่าไรครับ ส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนพื้นที่ครับ
แถวๆนี้มีมหาวิทยาลัยและโรงเรียนใกล้ๆครับ
โชคดีเจอคนมาถ่ายภาพ Pre-Wedding ด้วย
ใน Marizon ก็จะมีร้านค้า ร้านอาหารครับ ใครหิวก็มาหาอะไรทานแถวนี้ก็ได้ครับ
เดินกินลมทะเลจนอิ่มก็ไปเที่ยวในตึกกันต่อครับ ที่นี่จะมี Robosquare อยู่ในตึก TNC ใกล้ๆ Fukuoka Tower นั่นแหละครับ
ขายของเกี่ยวกับหุ่นยนต์ แล้วก็มีโชว์ให้เล่นกับพวกหุ่นพวกนี้บ้างครับ พนักงานก็จะมาเดโมให้ น่ารักจริงๆครับ
เดินออกมาข้างนอกตึกข้างทางต้นไม้เริ่มเปลี่ยนสีบ้างแล้วครับ
จาก Fukuoka Tower ผมก็ไปต่อที่ริมแม่น้ำ Nakasu ครับ คนที่โฮสเทลแนะนำบอกว่ามีร้านค้าแผงลอย หรือ Yatai เยอะ (เอาวะกะฝากท้องกะที่นี่เต็มที่)
บรรยากาศริมแม่น้ำครับ ถ่ายจากกลางสะพาน อากาศดีจริงๆ ต้อนรับการมาเที่ยววันแรกได้อย่างอบอุ่น (จริงๆค่อนข้างหนาวนะครับ ประมาณ 15-16 องศา)
ผมมาเร็วไปหน่อย ร้านยังไม่เปิดดีครับ ก็ได้แต่ถ่ายเก็บไว้ครับ ไม่ได้ลองชิม เสียดายจัง TxT
งั้นก็ไปจัดที่นี่ก่อนแล้วกันครับ หมายมั่นปั้นมือจะต้องมากินให้ได้ Ippudo Ramen ครับ สาขา Tenjin Station อร่อยน้ำซุปข้นกระดูกหมู สุโคร่ยจริงๆครับ
ปิดฉากวันแรก กลับโรงแรมนอนหลับสบายครับ
วันที่ 2 ของการเดินทาง วันที่ 23 ตุลาคม 2556
ผมยังอยู่ที่ Fukuoka ครับ วันนี้อากาศเริ่มไม่ดีแล้วครับ เนื่องจากญี่ปุ่นช่วงนั้นโดนหางของพายุซานฟรานซิสโกครับ
ก็มีฝนปรอยๆบ้าง แต่ก็ยังพอเที่ยวได้ครับ
เมืองแห่งศิลปะ ตามข้างทางจะมีงานของศิลปินต่างๆครับ ดูแล้วก็เพลินใจไม่ใช่น้อย
ที่เห็นคุณลุงเสื้อม่วงเค้าเป็นไกด์ที่ศาลเจ้านี้ครับ คอยแนะนำเป็นภาษาอังกฤษให้นักท่องเที่ยว พาผมเดินทั่วเลยครับ
ออกจากศาลเจ้าเดินมาเรื่อยๆ(พอเหนื่อย) ก็จะเจอกับสถานี Hakata สถาปัตยกรรมสวยมากๆครับ ในนี้ก็จะมีห้าง ร้านอาหารเหมือนสถานีใหญ่ทั่วๆไปครับ
จากสถานี Hakata นั่ง Subway ไปป้ายเดียว ลงที่ Gion Station ครับ
เดินเรื่อยๆนิดหน่อยก็เจอครับ หาไม่ยาก
ห้างที่มีเอกลักษณ์ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขนาดนี้
เป้าหมายของผมคือ Ramen Stadium ครับ อยู่ชั้น 5 ที่นี่แหละครับ
เนื่องจากเป็นคนชอบทานราเมงมากๆ ยังไงช่วงนี้กินแต่เมนูเส้นก็ได้ ยอม ฮ่าๆๆ
ถึงแล้วครับ แค่รูปประกอบก็น้ำลายไหลแล้ว
อันนี้ของผมเองครับ เยอะมากๆ น้ำซุปทงคัตสึ กระดูกหมูเคี่ยว ตอนนั่งพิมพ์นี่ยังหิวตามเลยครับ
อิ่มแล้วก็ไปเที่ยววัดกันต่อครับ เป้าหมายหลักคือมาเข้ามิวเซียมครับ แต่เผอิญอยู่ใกล้ๆกัน ก็เที่ยวทั้งสองที่นี่แหละ เอาให้คุ้ม
ศาลเจ้า Kushida Shrine ที่โดดเด่นในเรื่องของศาลเจ้าขนาดเล็กที่ไว้ใช้ในเทศกาลศักดิ์ศรีแห่งลูกผู้ชายครับ
ศาลเจ้าขนาดเล็กที่ใช้ในเทศกาล ยามากาสะ ในช่วงหน้าร้อน ให้ผู้ชายแบกเกี๊ยวขึ้นบ่าแล้วแห่รอบเมืองครับ
ครอบครัวพาเด็กๆมาขอพรที่ศาลเจ้า
นี่ครับ Hakata Machiya Folk Museum รูปร่างหน้าตาบ้านเหมือนบ้านของคิกเคียวยะในเรื่องอิ๊กคิวซังเลยฮะ ชอบมาก
ที่นี่จะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดเกี่ยวกับเมืองจำลองในอดีตของเมืองฮากาตะ หรือ ฟูกุโอกะ นี่แหละครับ ค่าเข้า 200 เยนครับ
ถ้าอยากเรียนรู้ประวัติศาสตร์ก็สมควรแวะมาครับ น่ารักดี
มีหุ่นขี้ผึ่งจำลองขนาดเล็ก ดูแล้วสมเป็นญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นครับ
ส่วนข้างๆ ติดกันจะเป็นร้านขายของที่ระลึกกับโรงปั่นผ้าในบ้านโบราณครับ
ตอนแรกคิดว่าไม่มีคน แต่ไม่ใช่ครับ เค้ามีคนทำผ้าที่นั่นจริงๆครับ ดูสิครับกำลังปั่นอยู่เลยครับ
จากที่มิวเซียม ผมก็ไปต่อ ณ ตึกที่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองเลยก็ว่าได้ ตึก Acros ครับ
ตึกนี้ได้ชื่อว่าเป็นตึกที่มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดตึกหนึ่ง เพราะมีการนำพื้นที่สีเขียวมาปลูกไว้บนตึกเป็นสวนลอยฟ้า
แถมในตัวตึกยังมีปลูกต้นไม้ไว้อีกมากมาย อย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้วจะให้เรียกว่าอะไรจริงมั้ยครับ
เสียดายผมมาถึงช้าไปหน่อย เค้าปิดแล้ว เลยไม่ได้เดินดูด้านในเลยครับ ไว้มาใหม่คราวหน้า(ข้ออ้าง)
จากตึก Acros ผมก็ไปเดินเล่นที่สถานี Tenjin ต่อก็เจอที่นี่ครับ Shintencho Shopping Street มีนาฬิกาเรือนใหญ่อยู่ตรงทางเข้าครับ
พอถึงเวลาตามที่เค้าเขียนไว้บนบอร์ด จะมีกิมมิกเล็กๆออกมาจากนาฬิกาครับ น่ารักดี
แถวๆสถานี ส่งท้ายวันสุดท้ายด้วยราเมงข้อสอบ Ichiran Ramen ฮากาตะราเมง ราเมงเส้นเล็ก ที่สามารถเลือกเส้นได้หลายแบบครับ
สรุป มาฟุกุโอกะ จัดราเมงไปเกือบทุกมื้อเลยทีเดียวครับ
ปิดท้ายด้วยสองหนุ่มใจดี Shinya กับ Masa ที่ช่วยเหลือผมในการส่งกระเป๋าไปเกียวโตครับ
ใครไป Fukuoka แวะไปพักที่นี่ได้ครับ ห้องน้ำสะอาด มีขนมอาหารเช้าด้วยครับ Takataniya Hostel ครับ
วันต่อไปต้องเดินทางไปนางาซากิต่อแล้ว แต่ยังนอนที่ฟุกุโอกะอีกหนึ่งคืน ไว้ติดตามตอนต่อไปนะครับ
ขอบคุณมากครับ