เงาเดี่ยวเที่ยวหมู่บ้านโรแมนติก (ตอนที่ 03 YUFUIN) 29days in Japan
เงาเดี่ยวเที่ยวหมู่บ้านโรแมนติก (ตอนที่ 03 YUFUIN) 29days in Japan
มาถึงเมืองที่ 3 ในภูมิภาคคิวชู หรือเกาะใต้ของประเทศญี่ปุ่นแล้วนะครับ
และเป็นวันที่ 4 ในการเดินทางคนเดียวของผม
วันที่ 25 ตุลาคม 2013
วันนี้ต้องบอกลาฟูกุโอกะแล้ว ขั้นแรกต้องส่งกระเป๋าไปเกียวโตก่อน เพราะใบใหญ่พอสมควร ก็ส่งที่ Family Mart ข้างๆโรงแรมเลย
ได้ MASA และ SHINYA ที่โฮสเทล ที่พักช่วยเหลือ MASA เดินมาส่งถึงที่ Family Mart เลย (ซึ้ง…)
เกือบขึ้นรถไฟไม่ทัน (อีกแล้ว)
เพราะมีปัญหาในการส่งกระเป๋านิดหน่อย
เอาล่ะ! เข้าเรื่องดีกว่า ไปติดตาม เงาเดี่ยวเที่ยวหมู่บ้านโรแมนติก (ตอนที่ 03 YUFUIN) กันต่อดีกว่าครับ
แผนที่และเส้นทางการเดินทางครับ ผมเริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2013 – 19 พฤศจิกายน 2013 ลงเครื่องที่สนามบินฟูกูโอกะ
และ กลับทางสนามบินนิวชิโตเสะ ซัปโปโรครับ
เมืองที่ผมไปมีทั้งหมด 21 เมืองครับ
01 FUKUOKA
02 NAGASAKI
03 YUFUIN <– ตอนนี้เราอยู่ที่นี่ครับ
04 KUMAMOTO (ASO)
05 HIROSHIMA
06 MIYAJIMA
07 OSAKA
08 KOBE
09 NARA
10 KYOTO
11 KANAZAWA
12 SHIRAKAWAGO
13 TAKAYAMA
14 TOYAMA (MT. TATEYAMA)
15 KAWAGUCHI-KO
16 YOKOHAMA
17 TOKYO
18 NIKKO
19 HAKODATE
20 OTARU
21 SAPPORO
View Japan 29 Days Trip in a larger map
จากฟูกุโอกะ มุ่งหน้าสู่ ยุฟุอินกันเลยครับ ผมค้างคืนที่ยุฟุอินหนึ่งคืน เพราะอยากได้บรรยากาศออนเซ็นที่นั่นครับ
ก่อนจะไปยุฟุอินผมทราบเรื่องรถไฟสายโรแมนติกนี้อยู่แล้วครับ เลยเลือกใน Hyperdia ช่วงเวลาที่รถไฟขบวนนี้ออกครับ
อ้อ เลือกขบวนที่ชื่อ Yufuin no mori นะครับ หน้าตาเขียวๆแบบนี้แหละครับ มาดูข้างในกันดีกว่า
ด้านในสวยงามหรูหราครับ แม่บ้านญี่ปุ่นเอง เวลาหาเวลาว่างไปเที่ยววันเสาร์-อาทิตย์ ก็จะจองรถไฟขบวนนี้เหมือนกัน เห็นมั้ยครับ คอนเซ็ปคนญี่ปุ่นเค้าแน่นจริงๆ
ด้านในตกแต่งด้วยไม้ครับ สวยงามมากๆ
สามารถเดินไปตรงห้องคนขับ เห็นวิวด้านหน้าแบบใสๆ เลยครับ สุดยอดจริงๆ
บรรยากาศระหว่างทาง มีชาวบ้านโบกธงต้อนรับด้วยครับ น่ารักจัง
เดินผ่านห้องเสบียง มีของที่ระลึกขาย น้ำดื่ม ผมก็จัดไปเรียบร้อยละครับ TxT
ผมซื้อทั้งของที่ระลึก ทั้งชิมน้ำไซเดอร์ ซะหน่อย ไหนๆก็มาแล้ว มาเที่ยวจะให้ได้ประสบการณ์ก็ต้องลองครับ รสชาติหวานๆ เย็นๆ อร่อยดีครับ
ชอบตรงดีไซน์ขวดนี่แหละ
ถึงแล้วครับ ยุฟุอิน
ฝนยังตกปรอยๆอยู่ครับ พอเดินเล่นสบายๆ อากาศเย็นๆของฤดูใบไม้ร่วง
ก่อนอื่นออกจากสถานี เนื่องจากที่พักผมค่อนข้างไกลจากตัวเมือง เลยแวะฝากกระเป๋าที่ล็อกเกอร์ก่อนครับ อยู่ตรงข้ามสถานีเลย
แล้วก็จัดแจงออกไปเที่ยวเลย เส้นทางก็เดินตรงไปเรื่อยๆครับ เมืองไม่ได้ซับซ้อนอะไร
ก่อนอื่นระหว่างทางก็แวะไปร้าน B-speak ชื่อดัง จะหาขนมทานซะหน่อย
ปรากฏว่าหมดครับ แนะนำว่ารีบมานะครับ ที่นี่ขนมเค้กเค้าขึ้นชื่อมาก ผมไม่ได้ลอง เศร้าาา หมดเร็วมากๆๆ
สองข้างทางเป็นร้านค้าเล็กๆน่ารักครับ ผมหิวพอดี เลยหาอะไรรองท้องซะหน่อย ได้ทะโกะยักษ์ไปครับ รสชาติพอใช้ได้
สักพักฝนก็ตกหนัก เลยแวะทานกาแฟ+ซอฟท์ครีมข้างทาง หลบฝนครับ อ่าาาา ชื่นใจ
บรรยากาศสองข้างทางครับ
เดินไปเจอร้านขายพวกสิ่งของดีไซน์จากไม้ แค่ตัวร้านก็เท่แล้ว เลยแวะดูซะหน่อย ชอบมากๆครับ แต่ไม่ได้ซื้ออะไรออกมา แฮร่ ก็เรายังไปอีกไกลนี่นา เก็บเงินไว้ก่อน
เดินไปเรื่อยๆ ไฮไลต์ของที่นี่อยู่ที่ทะเลสาปน้ำอุ่นแห่งนี้ครับ ชื่อ ทะเลสาปคิรินโกะ
ใบไม้ยังไม่ค่อยแดงเท่าไร เพราะช่วงที่ไปเป็นช่วงปลายเดือนตุลาคมครับ หากจะให้แดงเต็มที่น่าจะเป็นช่วงปลายๆเดือน พฤศจิกายนครับ
ฝนตกหนักมากครับ เลยยืนหลบฝนในศาลาด้านในก่อน
ด้านในมีศาลเจ้าด้วยนะครับ
น้ำใสจนเห็นปลาด้านล่างเลยครับ ลองเอามือลงไปจุ่มดู ก็อุ่นๆดี ทั้งที่อากาศตอนนั้นหนาวจากฝนมากนะครับ
มุมมหาชนครับ
แวะทักทายเจ้าถิ่นกำลังแช่น้ำอย่างสบายใจซะหน่อยครับ
ร้านค้าแถวๆนั้นครับ ผมไม่ค่อยได้แวะเท่าไรเพราะเย็นแล้วเหมือนกัน หลังจากถ่ายรูปทะเลสาปเสร็จก็รีบเดินไปขึ้นบัสเพื่อไปที่พักครับ
กัปปะ สัญลักษณ์ของที่นี่ครับ
ร้านแถวนี้น่ารักดีครับ ใครจะมาที่นี่แนะนำให้ค้างคืนนะครับ จะได้เดินเล่นสบายๆ
มีร้านของเล่นด้วย ใครชอบของเล่นผมว่ามีเสียเงินแน่ๆครับ มาที่นี่ 555
อันนี้เหมือนจะเป็นร้านที่จำลองหนังเรื่อง always ไว้ เสียดายตอนนั้นผมยังไม่ได้ดู ไม่งั้นคงจะเข้าไปเดินเล่นแล้วครับ
ร้านแถวๆนั้นครับ ขายของเล่นเหมือนกัน มีผีน้อยคีทาโร่ด้วย
บรรยากาศร้านค้าที่ผมเห็นว่าน่ารักดีครับ
ที่นี่เป็น Flora village ครับ มีร้านรวมอยู่บนที่ๆเดียว ทำเป็นเหมือนหมู่บ้านในนิยายเล็กๆ น่ารักดีครับ
แวะทักทายเจ้าแพะสักหน่อย
ตัวร้านจะเป็นร้านเล็กๆอย่างนี้ครับ สีขาว หลังเล็ก ออกแนวยุโรป ในนิยายหน่อยๆ
มีนกเค้าแมวด้วยนะฮะ ตัวไหนตัวจริงเอ่ยยย
ออกจาก Flora Village ก็เดินเล่นไปเรื่อยๆครับ
มีทั้งร้านเกี่ยวกับแมวอย่างเดียว เกี่ยวกับสุนัขอย่างเดียว เข้าไปแล้วเพลินเลยฮะ
ว่าแล้วก็หิว หาขนมกินซะหน่อย ก็เจอร้านขายโดรายากิ หรือ เจ้าแป้งทอด ของโดราเอม่อนนี่แหละครับ
จัดมาหนึ่งชิ้น อร่อยดีครับ ใครชอบขนมลองแวะมาทานดูนะครับ
ร้านโทโทโร่ครับ
มีเจ้าโทโทโร่ ตัวใหญ่มาทักทายหน้าร้านเลย
ใครชอบงานนี้มีกรี๊ดแตกแน่ๆครับ เยอะมากๆ
ระหว่างทางจ้ำอ้าว รีบเดินไปสถานีครับ บรรยากาศข้างทางบ้านหลังเล็กๆ ในแบบญี่ปุ่นจริงๆ
ใครชอบสถานที่เงียบๆ ที่นี่น่าจะตอบโจทย์นะครับ
ถ้ามีเวลาอีกนิดนะ คงได้เข้าไปนั่งชิวๆที่ร้านแน่ๆ
ช่วงที่ผมไปรู้สึกจะเป็นช่วงหาเสียงพอดีนะครับ เลยมีรถหาเสียงด้วย
เดินๆต่อไปครับ
ถึงสถานีรถไฟแล้ว แต่สถานีรถบัสอยู่ตรงกันข้ามนะครับ เดินอีกนิดนึง หันหลังให้สถานี ด้านซ้ายมือ ประมาณ 200 เมตรครับ
มีร้านขายของที่ระลึกด้านหน้าสถานีด้วย สถานีรถบัสอยู่ซ้ายมือของตึกนี้นะครับ
พอได้ขึ้นรถก็ไม่ได้ถ่ายรูปอะไรแล้วครับ เพราะมืดมาก กว่าจะถึงโฮสเทล ก็สัก 20 นาทีเลย เพราะที่พักอยู่ไกลจากตัวเมืองครับ ผู้ชายที่ยืนอยู่มารู้ทีหลังว่าเป็น room mate ผมครับ แกชื่อเทตสึยะ เป็นคนเดียวที่พอสื่อสารภาษาอังกฤษได้บ้าง มาปีนเขาที่นี่ครับ เป็นอาจารย์สอนดนตรีที่โอกินาว่า ต้องขอบคุณเทตสึยะ ทำให้ช่วงที่เข้าพักได้คุยกับคนญี่ปุ่นที่นั่น เป็นล่ามให้ แกนิสัยดีมากๆครับ
หน้าตาที่พักครับ ชื่อ Yufuin Youth Hostel ที่เลือกที่นี่เพราะราคาถูกหน่อยครับ และเป็นห้องนอนรวม มีบ่อน้ำร้อน ไกลหน่อยก็โอเคล่ะ
ตกกลางคืนก่อนทานข้าว จะมีทัวร์พาไปเดินดูหิ่งห้อยด้วยนะครับ แล้วก็พาไปชมวิวบนเขาครับ ด้านซ้ายของโรงแรม (ซาวด์แทร็คล้วนๆ) แต่ก็ถือว่าสนุกดีครับ ได้รสชาติแบบญี่ปุ่นๆ ใครไม่แคร์เรื่องระยะทางจากในเมือง ที่นี่เป็นตัวเลือกที่ใช้ได้เลยนะครับ
ห้องพักมี 4 เตียงครับ ผมนอนคนละเตียงกับ เทตสึยะ เลยเพราะ ทั้งห้องมีแค่สองคน คนอื่นๆก็มีผู้หญิงก็นอนห้องผู้หญิงครับ กับห้องส่วนตัว
เรียกได้ว่าเป็นบ้านที่เค้าอยู่กันแล้วเปิดเป็นโฮสเทลนั่นแหละครับ ได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่นไปในตัว สนุกดีครับ
มีน้ำร้อนให้แช่ อย่างนี้เดินเที่ยวทั้งวันก็หายเหนื่อยครับ ที่นี่จะสลับช่วงเวลาแช่ระหว่าง ชาย-หญิง ครับ ไม่ต้องกังวล ไม่ใช่แบบรวมแน่นอน
ในเมืองก็จะมีพวกห้องส่วนตัวนะครับ แต่ราคาผมสู้ไม่ไหว เลยเลือกที่นี่ครับคืนละไม่ถึงพันบาท
ถ่ายลงไปในเมืองก็จะเห็นไอร้อนพุ่งขึ้นมาครับ แน่นอนละครับ เมืองบ่อน้ำร้อน นี่นา
ปิดท้ายด้วยอาหารแบบญี่ปุ่นๆ ที่ผมสั่งกับโฮสเทลครับ 1000 กว่าเยน หรือราวๆ สามร้อยกว่าบาท อร่อย ฟินไปเลยครับคืนนั้น
จบภาค เงาเดียวเที่ยวหมู่บ้านโรแมนติก ยุฟุอิน แล้วนะครับ ตอนหน้ารอติดตามกันต่อกับการขึ้นภูเขาไฟและการชิมเนื้อม้าครั้งแรกของผมครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ
