ย้อนรอยฮิโรชิม่า มาแวะกินหอยบนเกาะมิยาจิม่า (ตอนที่ 05 HIROSHIMA + MIYAJIMA) 29days in Japan
ย้อนรอยฮิโรชิม่า มาแวะกินหอยบนเกาะมิยาจิม่า (ตอนที่ 05 HIROSHIMA + MIYAJIMA) 29days in Japan
วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2013
เมืองฮิโรชิม่าเป็นเมืองที่ผมหมายมั่นปั้นมือที่จะมาเที่ยวไว้นานมากแล้วครับ
เพราะเคยเห็นพี่คนนึงถ่ายรูปเสาโทริอิลอยน้ำที่เกาะมิยาจิม่าครับ เลยตั้งใจไว้ว่าจะต้องแวะมาถ่ายรูปที่นี่ให้ได้
หลังจากออกจากคิวชูขึ้นเหนือไปบรรยากาศเมืองก็เริ่มเปลี่ยนไปครับ ฮิโรชิม่าเป็นเมืองที่ใหญ่เมืองหนึ่ง ที่สามารถฟื้นมาจากสงครามได้ครับ
เพราะในอดีตในวันที่ 6 สิงหาคม 2488 เมืองนี้ได้โดน “Little Boy” ถล่มก่อนเมืองนางาซากิ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตประมาณ 140,000 คน
แต่พอหลังจากได้มาเห็นเมืองนี้ด้วยตาตัวเอง ต้องนับว่าทึ่งมากๆ ในความสามารถและความมุ่งมั่นของคนญี่ปุ่น
เมืองนี้กลับมาเจริญ ทุกสิ่งทุกอย่างแทบไม่เหลือเค้าเดิมของเมืองที่คยเกิดสงครามขึ้นเลย จะเหลือแค่เพียงอนุสรณ์ที่รัฐบาลจงใจเหลือไว้เท่านั้น
เกริ่นมามากพอแล้ว ไปติดตามกันต่อดีกว่าครับ กับ ฮิโรชิม่า Feat. มิยาจิม่า ครับ
แผนที่และเส้นทางการเดินทางครับ ผมเริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2013 – 19 พฤศจิกายน 2013 ลงเครื่องที่สนามบินฟูกูโอกะ
และ กลับทางสนามบินนิวชิโตเสะ ซัปโปโรครับ
เมืองที่ผมไปมีทั้งหมด 21 เมืองครับ แบ่งเป็น 20 ตอนนะครับ
01 FUKUOKA
02 NAGASAKI
03 YUFUIN
04 KUMAMOTO (ASO)
05 HIROSHIMA + MIYAJIMA <– ตอนนี้เราอยู่ที่นี่ครับ
06 OSAKA
07 KOBE
08 NARA
09 KYOTO
10 KANAZAWA
11 SHIRAKAWAGO
12 TAKAYAMA
13 KUROBE ALPINE ROUTE
14 KAWAGUCHI-KO
15 YOKOHAMA
16 TOKYO
17 NIKKO
18 HAKODATE
19 OTARU
20 SAPPORO
View Japan 29 Days Trip in a larger map
วันนี้เตรียมตัวแต่เช้าจากโฮสเทลเลยครับ เพื่อออกมาเดินเล่นในเมือง อากาศแจ่มใสรอต้อนรับเป็นอย่างดี หลังพายุได้พัดผ่านไป
ตอนเช้าก็เริ่มหาอะไรรองท้องก่อนครับ เพราะวันนี้ตื่นเช้าอีกแล้ว เข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตระหว่างทางเลยครับ
ข้อดีของซุปเปอร์มาร์เก็ตในญี่ปุ่นคือ จะมีของลดราคาเยอะมากครับ ราคาค่อนข้างถูกผมได้ขนมปังเมล่อนอันละ 100 เยน กับกาแฟกระป๋องอีกหนึ่ง
เดินมาแป๊ปเดียวมาถึง Peace Park แล้วครับ
ตึกสวยๆนั่นคือ มิวเซียม ครับเดี๋ยวบ่ายๆค่อยเข้าไปดู เช้าๆแสงสวยๆเดินถ่ายรูปก่อนดีกว่าครับ
อนุสรณ์อนุสาวรีย์ครับตั้งอยู่โดดเด่นมาก มีคนมาเคารพทุกวันครับ
เดินมาอีกหน่อยก็เจอกับรูปปั้นซาดาโกะครับ
ซาดาโกะคือตำนานของเด็กที่อยู่ในยุคสงครามที่มีการพับนกกระเรียน 1,000 ตัว
เรื่องราวของเธอน่าเศร้าและเป็นเหมือนกับอนุสรณ์ว่าสงครามไม่ได้มีผลดีกับใครๆเลยอย่างแท้จริง
ทุกๆวันจะมีการเอานกกระเรียนกระดาษพับมาไว้ที่นี่ครับ ลองเข้าไปดูใกล้ๆ มีเยอะมากๆจริงๆ
เดินมาอีกนิดก็จะเจอแม่น้ำกับโดมอนุสรณ์จากสงครามครับ
ข้ามสะพานไปดูใกล้ๆอีกนิดครับ
คุณลุงชาวญี่ปุ่นก็ยังนั่งวาดรูปอยู่เหมือนเดิมครับ
พอถ่ายรูปจนพอใจแล้วก็เดินไปปราสาทฮิโรชิม่ากันต่อดีกว่าครับ ตรงข้ามกับ Peace Park ครับ จะเป็นปราสาท
Credit: แผนที่จากเว็บ Japan-guide.com ครับ
มาถึงปราสาทแล้วครับ
ที่นี่มีอีกชื่อหนึ่งว่า Carp Castle หรือปราสาทปลาคาร์ปนั่นเองงงงงง
ที่นี่เป็นอีกแห่งที่สร้างขึ้นมาใหม่ ไม่ได้เป็นปราสาทเก่าแก่นะครับ
ช่วงที่ไปมีการจัดงานประกวดต้นไม้ที่ปราสาทพอดีครับ เลยมีร้านอาหารมากมาย ชวนหิวกันเลยทีเดียว
ดูเนื้อย่างสิครับน่าทานมากกกก Meat Lover อย่างผมน้ำลายไหลเลยทีเดียว
แอบถ่ายนักแสดงมาครับ เหมือนว่ากำลังจะไปขึ้นเวที
ด้านในของพื้นที่ปราสาทจะมีศาลเจ้าตั้งอยู่ด้วยนะครับ
รู้สึกศาลเจ้านี้จะเป็นศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อเกี่ยวกับเด็กๆ หรือลูกๆ นะครับ เห็นมีแต่คนพาเด็กๆ ลูกหลานมากันเต็มเลย
นี่ครับ พ่อแม่พาลูก ที่เป็นเด็กๆเกิดใหม่มาขอพรที่นี่เพียบเลย
ที่โตมาอีกนิดก็จะสวมกิโมโนกันมา น่ารักมากๆ
ออกจากศาลเจ้ามาดูของกินกันต่อดีกว่า เจ้านี้คนต่อคิวเยอะมากครับ
ตอนแรกผมก็กะว่าจะต่อคิวด้วยแต่เห็นคิวแล้วขอผ่านแล้วกัน คนเยอะจริงๆ
ขายเนื้อปิ้งประมาณนี้ครับ ไม่ทราบว่าเนื้ออะไรเหมือนกันครับ
บรรยากาศรอบๆปราสาทปลาคาร์ป
ด้านบนครับค่าเข้าชมที่นี่ 360 Yen นะครับ
เปิด 9.00 น. – 18.00 น. ครับ มีบางฤดูที่ปิด 17.00 น. นะครับ
ออกจากปราสาทก็มาดูเวทีที่เค้าแสดงกันครับ เป็นเด็กๆ ร้องเพลงและเต้น น่ารักดีครับ
ส่วนนี้เป็นสวนที่เค้าจัดประกวดกันครับ เป็นยังไงครับ สวยงามมั้ยครับ
ออกมาด้านนอกปราสาท รอบๆปราสาทจะมีคูล้อมรอบ ในสมัยก่อนน่าจะใช้ป้องกันข้าศึกเข้าไปรุกรานครับ
มีคอสเพลย์มาให้ถ่ายรูปด้านหน้าปราสาทด้วย
ประติมากรรมน้ำพุหน้าตามีดีไซน์ฝั่งตรงข้ามกับปราสาทครับ
ข้ามฝั่งมาอีกฝั่งก็มีงานอีกเช่นกันครับ
มีของกินมาขายมากมายเหมือนเดิมครับ คึกคักจริงๆ
แล้วก็จะมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆด้วย
พอตกบ่ายเริ่มร้อนเดี๋ยวเราไปหลบในมิวเซียมกันก่อนดีกว่าครับ อันนี้ถ่ายรถรางมามีสนามหญ้านุ่มนิ่มบนรางด้วยแปลกดีครับ
เข้ามาในมิวเซียมแล้วครับ
ที hiroshima peace memorial museum ครับ ค่าเข้าแค่ 50 เยน เอง ถูกมากๆครับ
และมีเครื่องช่วยบรรยายให้เช่าด้วยนะครับ เพื่ออรรถรสในการฟัง 300 เยนครับ
มีการจำลองเมืองฮิโรชิม่าในอดีตสมัยที่โดนบอมมาให้ดูครับ
ขึ้นมาเดินชั้นสองบ้าง
มีหนังสือประวัติศาสตร์ต่างๆของแต่ละประเทศด้วย และที่แน่ๆ ของไทยครับผม แอร๊ยยยย
นี่ครับตำแหน่งที่บอมลง และตอนที่ลงแล้วเหลืออะไรไว้บ้าง
เป็นเรื่องน่าเศร้าของสงครามจริงๆว่ามั้ยครับ
เค้าจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ไว้ไม่ได้ให้ดูแล้วเศร้าเสียใจ แต่เหมือนเป็นการให้ความรู้แก่เด็กๆ หรือนักท่องเที่ยวมากกว่าครับ
ซึ่งผมก็คิดว่าได้ความรู้มากมายจริงๆ
เด็กๆเริ่มมานั่งรอทัศนศึกษากันแล้วครับ
ออกจากมิวเซียมเตรียมตัวมุ่งหน้าไปเกาะมิยาจิม่ากันครับ
บ่ายโมงครึ่งแล้วครับ เตรียมตัวไปกินซีฟู๊ดที่เกาะกันดีกว่า
นี่ครับเรือที่เราจะขึ้นกัน วิธีมาก็นั่งรถไฟจาก HIROSHIMA STATION -> MIYAJIMAGUCHI ได้เลยครับ
ใช้ JR PASS ฟรีครับ รวมขึ้นเรือด้วย สบายแล้วเรา ^^
นั่งไปสักพัก ใช้เวลาไม่นานครับประมาณ 10 นาที จริงๆอยู่ฝั่งตรงข้ามก็มองเห็นเกาะนะครับ
ช่วงที่ไปใบไม้ยังไม่แดงเท่าไรเลย ฮือๆ
พอมาถึงก็ไปหาเจ้าของเกาะก่อนเลยครับ ฮ่าๆ เจ้ากวางน้อยนี่เองงง
ดูสิครับ มันเป็นมิตรขนาดไหน
เจ้าแรกจัดปลาหมึกตัวโตก่อนเลย อร่อยครับ สดใหม่ ฟิน
เนื้อปลาผสมทอดเป็นใบเมเปิ้ล นี่ก็อร่อย แอร๊ยยย >_<
ตามด้วยหอยนางรม มีแสนหมดแสนครับงานนี้ สำหรับคนชอบอาหารทะเล
อันนี้ก็อร่อยนะคับ มีให้เลือกหลายอย่างเลย ทั้งปูอัดเนื้อปลา ราคาก็ไม่แพง
ยิ้มร่า แบบรูปปั้นเลยทีเดียวครับ
เดินมาอีกหน่อย อ๊ะ หน้าลุงคุ้นๆนะ จำได้กันมั้ยครับ (นักสืบโมริ โคโกโร่ จากโคนัน)
บนเกาะก็จะมีคอสเพลย์คอยให้ถ่ายรูปด้วยนะครับ
เดินขึ้นมาดูวัดข้างบนบ้างครับ
วัดข้างบนถ้าจะเข้าไปดูข้างในต้องเสียเงินด้วยนะครับ ผมไม่ได้เข้าไปดู รู้สึกว่าจะ 500 เยนครับ ไม่แน่ใจนะครับ
ขึ้นแล้วก็ลง มารอแสงเย็นที่ศาลเจ้าลอยน้ำดีกว่าครับ
จ่ายค่าเข้าชม 300 เยนสำหรับค่าเข้า Itsukushima Shrine หรือศาลเจ้าลอยน้ำครับ
ที่นี่มีงานแต่งงานบ่อยๆครับ สำหรับคนที่จะมาจัดงานที่นี่ได้ผมว่าน่าจะต้องใช้เงินเยอะพอสมควรเลยนะครับ
เมืองฮิโรชิม่า อยู่ตรงข้ามนี่เองครับ
เดินไปเดินมารอถ่ายรูปอย่างเดียวเลยครับ ยิ่งจะรอแสงเย็นด้วยแล้วนั่งรอกันนานเลยครับ
ปักหลักอยู่นาน จำได้ว่าเกือบจะได้แสงที่ต้องการแล้ว แต่ก็โดนหลวงพ่อมาไล่ครับ
บอกห้ามใช้ขาตั้งกล้อง อ่าว งง เลยครับผม TxT
รอมาตั้งนาน อีกนิดเดียว ว่าแล้วก็บอกหลวงพ่อว่าขอสัก 1-2 รูปนะครับ (หลวงพ่อภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้นะครับ)
แล้วก็เก็บขาตั้งเดินน้ำตาตกไปครับ
หมดวันแค่นี้ เตรียมตัวนั่งเรือกลับ แล้วต่อรถไฟไปย่าน Hondori ต่อครับ
เพื่อไปหาอะไรกินเป็นข้าวเย็นครับ อิอิ ยังไงก็ต้องลองโอโคโนมิยากิ ฮิโรชิม่าสไตล์อีกรอบครับ
ร้านนี้อยู่ในย่านนั้นเลยครับ ไม่ได้ถ่ายหน้าร้านมา แต่เห็นคนเยอะ เลยจัดเลยคับ
ที่ฮิโรชิม่ายังไงก็ต้องจัดหอยนางรม นี่แหละฮะฟินกันไป
ฉึก! ปักกินกันหน้าเตาไปเลยครับ ต้นหอมเพียบ ใส่กันไม่ยั้ง แถมไม่เหม็นเขียวอีกตะหาก
ปิดท้ายเมืองฮิโรชิม่า ด้วยพ่อค้าแซบที่ร้านเอาใจสาวๆแล้วกันครับ
ไว้เจอกันใหม่เมืองใหญ่เมืองหน้าที่ OSAKA ครับผม
ขอบคุณที่ติดตามนะครับ